ธมฺโม หเวรกฺขติ  ธมฺมจารี         มีความว่า  บุญแล    ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม. 

 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๑

        "ธรรมแล   ย่อมรักษาผู้มีปกติประพฤติธรรม" ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว   ย่อมนำสุขมาให้ นี้เป็น อานิสงส์ในธรรมที่เขาประพฤติดี ผู้ประพฤติ  ธรรมเป็นปกติ  ย่อมไม่ไปสู่ทุคติ."

ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม คือประพฤติอย่างไร ธรรมะจึงจะตามรักษาผู้นั้นได้

        ในอรรถกถาหลายแห่งอธิบายในข้อนี้ว่า   ประพฤติในสุจริตธรรม  คือ  การกระทำกุศลทุกประการ   เมื่อบุคคลกระทำกุศล   ถ้ากุศลนั้นให้ผลย่อมมีผลที่น่าปรารถนา  เกิดในสุคติภูมิกุศลหรือบุญนั้นย่อมรักษาบุคคลนั้นไม่ให้ตกไปสู่ที่ชั่ว  คือ ให้เกิดในที่ดี   หรือรักษาให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวง  ขั้นสูงสุดเมื่อบุคคลประพฤติธรรมคืออริยมรรค  ธรรมนั้นย่อมรักษาให้พ้นจากภัยในวัฏฏะทุกข์ทั้งสิ้นได้ 

อ้างอิง: http://www.dhammahome.com/webboard/topic/2967

ทำไม ? ผมจึงยกบทธรรมนี้ขึ้นมา เป็นปฐมบท เพราะว่า ผมเชื่อว่า อย่างไรเสีย คนทำดีย่อม ได้รับผลดี คนมีความกตัญญูรู้คุณและหมั่นตอบแทนคุณผู้มีพระคุณ ย่อมตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ตามสุภาษิต บทนี้อย่างแน่นอน

       ด้วยความเชื่อตรงจุดนี้นี่เอง แม้ผมจะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่นักวิชาการ หรือนักทั้งหลาย ที่มีชื่อเสียงก็ตาม แต่ผม เฝ้าติดตามความสับสนในสังคมที่ว่า ทำไม ? หนอ คดีพระธัมมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย จึงโด่งดังไปทั่วโลก มีทั้งข่าวสารในหน้าหนังสือพิมพ์ ทั้งในโลกโซเชียล แม้ในระบบสื่อต่าง ๆ ทุกชนิดที่มีก็ว่าได้ แต่ทำไม ? ยังไม่จบและไม่ลงเอยเสียที

       ผมก็ขอทำใจเป็นกลาง ๆ  ว่า มี 2 แง่มุมนะถ้ามองให้ลึกซึ้ง ในกรณีสังคมถามว่า ถ้าไม่ผิดก็เข้ากระบวนการไปสู้กันในศาลสิ กลัวอะไร ?

        และฝ่ายลูกศิษย์ลูกหาท่านก็บอกว่า ไม่ผิดแล้วจะเข้าทำไม ? เพราะโดนกลั่นแกล้งตั้งแต่แรกแล้ว จะเข้าทำไม ?

ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า จริง ๆ แล้วมันคืออะไร ?

       เท่าที่ทราบมา ว่า หลายปีก่อนโน้น ประมาณ ปี 2541-2542 วัดพระธรรมกายก็โดนข้อหาว่ายักยอกเงินวัด ยักยอกที่ดินวัด แต่ท้ายที่สุดก็ยกฟ้อง เพราะหลักฐานอ่อน พยานอ่อน

       แม้ย้อนถอยหลังไปประมาณปี 2528 -2531 ก็น่าจะมีคดีเรื่องชาวนา ว่าวัดบุกรุกที่ชาวนาอะไรทำนองนั้น ถึงขนาดจุดไฟเผากุฏิพระเณรกันเลย ทุบองค์พระพุทธรูปกันเลย แต่ก็รอดมาได้ เมื่อทางวัดออกมาชี้แจง

       ย้อนถอยหลังไปอีก ช่วงสร้างวัด ใหม่ ๆ ไม่นานนัก วัดเริ่มสร้างประมากณ ปี 2513 ถ้าจำไม่ผิด ก็มีปัญหาเยอะแยะมากมายกับวัดพระธรรมกาย แต่ก็รอดมาได้

แล้วในครั้งนี้ก็มาโดนเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อีก ว่าฟอกเงินบ้าง รับของโจรบ้าง บุกรุกป่าบ้าง ?

แหล่งภาพจาก Panoramio

        ผมเอง ก็นึกแปลกใจเหมือนกันว่า วัดพระธรรมกาย แม้จะโดนข้อหาอะไรมากมาย เป็นระยะ ๆ มาตลอด แต่ก็ยอมรับว่าเป็นวัดเดียวที่มีผลงานด้านเผยแผ่ศาสนาเยอะมาก เช่นบวชพระบวชเณรเป็นล้านรูป ตักบาตรพระเป็นหลายล้านรูป หรือแม้แต่จัดโครงการต่าง ๆ ทั้งที่สถานที่ปฏิบัติธรรมทั่วไทย ทั่วโลก อีก นับไม่ไหว  ก็เลยสงสัยว่า ทำไมทำงานเยอะแยะขนาดนี้ได้อย่างไร?

งานแต่ละงานใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ คงไม่สามารถทำงานได้ถ้าคนน้อย ๆ ต้องมีทีมงานดี เงินอุดหนุนก็ต้องดีด้วยเช่นกัน แล้วงบมาจากไหน ?

        ในทางพระพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยพุทธกาลผ่านมา ก็เห็นมีแต่งบจากกระเป๋าผู้มีศรัทธษนั่นแหละ จะไปเอามาจากไหน ไม่มีงบจากรัฐบาลให้อยู่แล้ว เพราะจะสร้างจะจัดงานอะไรก็ต้องมาจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งนั้น 

       แล้วถ้าวัดทำผิด หรือ พระหลวงพ่อทำผิด คนจะยังศรัทธาได้ขนาดนี้เลยหรือ ? ผมก็สงสัยมาก ๆ เลย จะว่าโดนหลอก ก็ทำไม โดนหลอกนานถึง 47 ปี ยังยอมให้หลอกอยู่ได้อย่างไร ? 

      จะว่าหลอกหรือ พระและเจ้าหน้าที่วัดเห็นมีมากขึ้น ๆ ทั้งที่เรียนจบสูง ๆ เศรษฐีแนวหน้าในสังคมก็มี ผมก็ชักงงยิ่งกว่าเดิม

ไม่รู้จริงไหมนะ ? ว่าวัดหลวงพ่อ และศิษย์อาจถูกกลั่นแกล้งตามที่ลูกศิษย์ออกมาชี้แจง

       ศิษย์ของท่านทั้งพระทั้งโยม อยู่ในวัยหนุ่มสาว วัยกลางคนก็มีไม่น้อย เงินเดือนไม่มี แต่มาอุทิศชีวิตช่วยงานหลวงพ่อ ได้หลายสิบปีก็ไม่หนี 

       แถมที่ทราบมา พระหลายรูปจบสูง ๆ บวชมาทั้งชีวิต ยังประกาศว่า จะขอตายในผ้าเหลืองไปกับหลวงพ่อ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่รูปเดียวนะ ทุกรูปก็ว่าได้ บางรูปขนาดว่า จะขอเอาชีวิตที่เหลือถวายหลวงพ่อ ถ้าถวายได้เพราะชีวิตหลวงพ่อสำคัญต่อชาวโลกมาก ๆ นี่ท่านบอกเองเลยนะครับ บางรูปบอกว่า ถ้าแลกขากับหลวงพ่อได้จะยอมแลกขาที่หลวงพ่อป่วย ท่านจะได้ไม่ทรมาน แต่จะขอทรมานจะยอมป่วยเสียเอง

แหล่งภาพจาก BaaBin

จากข้อมูลดังกล่าวแม้แต่ผู้หญิงก็เช่นกัน ทั้งศิษย์ในวัด ผู้นำบุญ เจ้าภาพที่มาทำบุญ ก็ไม่ยอมท้อถอย ดูเขามีใจดวงเดียวกันจน...คนภายนอกที่ไม่เข้าวัดสงสัย ว่ามีกลุ่มแบบนี้จริง ๆ หรือ ?

         แม้ผมจะยังไม่ได้สัมผัสมาก แต่แค่สังเกตและเก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ ก็ถึงบางอ้อคำหนึ่งที่ว่า "ก็เพราะหลวงพ่อ ไม่ผิด จึงไม่จำเป็นต้องมอบตัว" ซึ่งตรงข้ามกับ คนภายนอกและนักกฎหมายบอกว่า "ถ้าไม่ผิด จึงต้องมอบตัว ไปสู้กันในศาล" แล้วมันสำคัญอย่างไร ? 2 ประโยคนี้

         ซึ่งข้าพเจ้าพอมีความรู้ในทางศาสนาอยู่บ้างว่า "การบวชนั้นเป็นการนับพรรษา ถ้าสึกไปก็ต้องมาเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ กรณีหลวงพ่อท่านบวชมา 47 พรรษา ถ้าจำไม่ผิด ถ้าโดนจับสึก ก็ต้องเริ่มใหม่อีก่"

         หรือในกรณี ความเชื่อมั่นในบุญของท่านและหมู่คณะที่ว่า "ไม่ผิดขอยอมตาย ถ้าโดนกลั่นแกล้งให้เป็นคนผิด จะยอมกลายเป็นคนคลั่งศาสดา แบบที่คนบางกลุ่มที่ไม่ใช่ศิษย์วัดประกาศมา" เห็นในอินเตอร์เน็ตนะครับ

          ถ้าดูเส้นกราฟความเจริญเติบโตของวัด ที่่เจริญขึ้นเรื่อย ๆ ผมพอจะคาดเดาได้ว่า ครั้งนี้ ทั้งหลวงพ่อและคณะศิษย์ก็ย่อมเชื่อมั่นว่าไม่ผิด จึงต้องต่อสู้ และต่างเชื่อมั่นว่า "ธมฺโม หเวรกฺขติ  ธมฺมจารี  มีความว่า  บุญแล    ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม." ทางวัดจึงไม่ยอมมอบตัว

       ถึงอย่างไร ก็ดี ผมก็ยังไม่เคยได้ยินหรือได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าตรัสหรือออกกฎอะไรเกี่ยวกับการที่พระภิกษุสามเณรรับประเคนของแล้ว จะกลายเป็นรับของโจรไปได้นะ บอกตรง ๆ ว่ายังไม่เคยได้ยิน ไม่ว่าในสิกขาบทใด ๆ ก็ไม่มี มีแต่ว่าไม่รับประเคนเนื้อสัตว์บางชนิดที่ต้องห้าม เช่นเนื้อมนุษย์ หรือเหล้า อะไรประเภทนั้น

        ครั้งนี้ ผมคิดว่า ถ้าทางฝ่ายวัดพระธรรมกาย ออกสู้แล้วแพ้คดี จะกลายเป็นคดีที่แปลกและไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่สมัยพุทธกาลมากว่า 2,600 ปีเลยทีเดียว 

งานนี้ บอกได้เลยว่า ทางวัดพระธรรมกายที่มีลูกศิษย์ลูกหา สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยคมากที่สุดในประเทศไทย คงคิดหนัก เพราะจะต้องมีบทบัญญัติเพิ่มว่า "พระภิกษุรับประเคนสิ่งใด ..ให้ระวังกลายเป็นรับของโจร ไปเสียนี่" นับว่า "จะเป็นต้นบัญญัติกับพระภิกษุที่จะยังอยู่และบวชตามในภายหลังกันเลยก็ว่าได้นะครับ" 

ต้นไม้ใกล้ฝั่ง