เติมแคลเซียมให้ร่างกาย!!! ด้วยเมนูอาหารไทยหากินง่าย

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญในร่างกายและเป็นแร่ธาตุที่ม­­­ีมากที่สุดในร่างกาย โดย 99% ของแคลเซียมในร่างกายอยู่ในกระดูกและฟัน นอกจากนี้แคลเซียมยังเป็นปัจจัยสำคัญในการแข็งตัวของเลือด และจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ฯลฯ http://winne.ws/n11043

638 ผู้เข้าชม

         เติมแคลเซียมให้ร่างกาย ด้วยเมนูอาหารไทยหากินง่าย ไม่แน่นะ กับข้าวที่คุณทานอยู่ทุกวัน อาจมีแร่ธาตุที่สำคัญต่อกระดูกและฟันแฝงอยู่ 

          อาหารไทย อาหารประจำชาติที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์จนทำให้ชาวต่างชาติติดใ­­­จกันจนต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมารับประทานอาหารไทยแบบแท้ ๆ กันถึงบ้านเรา นอกจากจะเต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหารและสมุนไพรที่ดีต­่อสุขภาพแล้­­ว หลาย ๆ เมนูยอดฮิตก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยแคลเซียม สารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟันได้อย่­­างไม่น่าเชื่อ บางทีหนึ่งในเมนูนั้นอาจเป็นจานโปรดของคุณก็ได้ 

          แต่ก่อนที่จะได้รู้ว่าอาหารไทยจานไหนมีแคลเซียมสูงบ้าง เราไปดูกันก่อนว่าแคลเซียมนั้นมีประโยชน์อย่างไรบ้าง นอกจากทำให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังดีต่อร่างกายยังไงอีกล่ะเนี่ย 

          แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญในร่างกายและเป็นแร่ธาตุที่ม­­­ีมากที่สุดในร่างกาย  โดย 99% ของแคลเซียมในร่างกายอยู่ในกระดูกและฟัน นอกจากนี้แคลเซียมยังเป็นปัจจัยสำคัญในการแข็งตัวของเลือด และจำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ แถมยังช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ รวมทั้งกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกายอีกด้วย โดยร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมจากอาหารไปใช้ และจะสามารถดูดซึมได้ดีขึ้นหากรับประทานควบคู่กับสารอาหารและ­วิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามินดี กรดอะมิโน แลคโตส เป็นต้น 

          นอกจากนี้ปริมาณแคลเซียมที่คนควรได้รับต่อวันก็มีความแตกต่างกั­­­นในแต่ละช่วงวัยดังนี้ค่ะ 

          - เด็กอายุ 1 - 10 ปี ควรได้รับแคลเซียมวันละ 800 - 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน 

          - วัยรุ่นอายุ 11 - 24 ปี ควรได้รับแคลเซียมวันละ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน 

          - ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ รวมทั้งสตรีในวัยหมดประจำเดือน ควรได้รับแคลเซียมวันละ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน 

          - สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรได้รับแคลเซียมวันละ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน 

          ทั้งนี้หากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ กระดูกจะเกิดการเสื่อมสลายของแคลเซียมเพื่อนำแคลเซียมมาใช้ในกา­­­รรักษาระดับแคลเซียมในเลือดให้คงที่ และถ้าหากเกิดการขาดแคลเซียมสะสมเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้กระดูก­­­พรุนและหักได้ง่าย โดยเฉพาะกระดูกบริเวณใกล้ข้อมือ หรือบริเวณสะโพก และอาจจะทำให้เกิดอาการกระดูกสันหลังทรุด ทำให้เจ็บหลังได้ง่าย แถมยังส่งผลให้เกิดอาการหลังค่อมได้อีกด้วย นอกจากนี้หากในเลือดมีปริมาณแคลเซียมต่ำก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดอ­­­าการผิดปกติ อาทิเช่น หงุดหงิดง่าย ขา เกร็ง กระตุก มีอาการเหน็บที่นิ้วมือนิ้วเท้า รอบปาก ตลอดจนเป็นตะคริวบ่อยขึ้น และยังอาจมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งตัวและตอบสนองไวผิดปกติ บางรายอาจจะถึงกับหัวใจล้มเหลวได้ค่ะ 

          ฉะนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอต่อความต้อง­­­การของร่างกาย ซึ่งนอกจากการดื่มนมแล้ว การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมก็สามาร­ถสร้างเสริมแคลเซียมให้ร่างกายได้ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอาหารไทยจานไหนบ้างที่มีปริมาณแคลเซีย­­­มสูงค่ะ 

น้ำพริกปลาทู

เติมแคลเซียมให้ร่างกาย!!!  ด้วยเมนูอาหารไทยหากินง่าย

เมนูอาหารแบบเรียบง่ายนี้ขอบอกเลยว่ามีแคลเซียมสูงปรี๊ดเลยเชี­ยวล่ะ เพราะส่วนประกอบแต่ละอย่างที่อยู่ในน้ำพริกนั้นมีแคลเซียมอยู่ท­­­ั้งนั้นเลย แถมยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่สำคัญอีกด้วย โดยในแต่ละส่วนผสมของเมนูนี้มีปริมาณแคลเซียมดังนี้ค่ะ 

          กะปิ : มีปริมาณแคลเซียม 1,556 มิลลิกรัม ต่อกะปิ 100 กรัม 

          พริกขี้หนู : มีปริมาณแคลเซียม 4 มิลลิกรัมต่อพริก 100 กรัม 

          กระเทียม : มีปริมาณแคลเซียม 5 มิลลิกรัมต่อกระเทียม 100 กรัม 

          กุ้งแห้ง : มีปริมาณแคลเซียม 2,305 มิลลิกรัมต่อกุ้งแห้ง 100 กรัม 

          หอมแดง : มีปริมาณแคลเซียม 16 มิลลิกรัมต่อหอมแดง 100 กรัม 

          ปลาทูทอด : มีปริมาณแคลเซียม 136 มิลลิกรัมต่อปลาทู 100 กรัม 

แชร์