ภาพจาก google.com

คำสอนที่ 1 ก้าวเเรกเป็นก้าวที่ยากลำบากเสมอ

>> บางครั้งเราก็ต้องก้าวออกมาจากเส้นของความปลอดภัย ก้าวแรกกับการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆมักเป็นก้าวที่ยากลำบากสำหรบทุกคนเสมอ จงเข้มแข็งและมั่นคงในความเชื่อ หลายครั้งเราก็พบว่าสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในความสำเร็จนั้นไม่ใช่การที่เราไปถึงเป้าหมาย แต่คือการกล้าที่จะเริ่มต้นต่างหาก

ภาพจาก google.com

คำสอนที่ 2 อย่ากังวลกับความผิดพลาดเเละล้มเหลวเเต่จงกังวลว่า"เราจะเลิกล้มทั้งที่ยังไม่พยายาม"

>>เราทุกคนมีโอกาสผิดพลาดได้ ยิ่งทำมากเท่าไรความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นมากตามไปด้วย แต่อีกด้านหนึ่งความสำเร็จก็มีโอกาสเกิดขึ้นมากด้วยเช่นกัน จำไว้ว่าการชนะสิ่งใดๆก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าการชนะใจและรู้จักแก่นแท้ของตัวเอง และชัยชนะมักไม่ค่อยสอนอะไรเรา ความพ่ายแพ้ต่างหากเป็นครูที่ดีที่สุดของเรา ทุกคนคิดอยากประสบความสำเร็จ แต่จะมีสักกี่คนที่จะเอาความคิดนั่นต่อยอดไปสู่การลงมือทำ 

ภาพจาก google.com

คำสอนที่ 3 เรื่องดีๆมักจะมาช้าเเละส่วนใหญ่ไม่ได้มาง่ายๆ

>>ชีวิตของเรานั้น จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย การจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยทั้งเวลา ความอดทน ความพยายามอย่างยิ่งยวด และ ความพากเพียรไม่ย่อท้อ เพราะ เรื่องดีๆมักจะมาช้า และส่วนใหญ่ไม่ได้มาง่ายๆ

ภาพจาก google.com

คำสอนที่ 4 ความสุขไม่ได้มาจากการที่เราสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ เเต่มาจากการยอมรับในความไม่สมบูรณ์ให้ได้

>>ทุกครั้งที่ชีวิตพบกับความทุกข์ใจ ให้ลองมองโลกกว้างและลองใช้ชีวิตให้ช้าลงสักนิด แล้วเราจะพบว่าเราอาจมองข้ามอะไรดีๆในชีวิตเพราะมัวแต่ไปเพ่งมองอะไรที่แย่ๆอยู่ ชีวิตมันก็ต้องมีทั้งวันที่ดีกับวันที่มันไม่ดีบ้างมันถึงจะเป็นชีวิต เรามีหน้าที่แค่ต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด มีสติกับทุกๆการตัดสินใจ ทำให้สิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะแท้จริงแล้วการใช้ชีวิตอย่างมีสตินั้นมีคุณค่าและง่ายกว่าการเฝ้าย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันเยอะเลย 

ภาพจาก google.com

คำสอนที่ 5 สาเหตุของปัญหาในชีวิตส่วนใหญ่มาจาก "ความคิด"ของเราเอง

>>สถานการณ์ความทุกข์ 1 สถานการณ์ คน 2 คนอาจมองในมุมที่แตกต่างกันไป คนแรกมองว่าเป็นความทุกข์ร้ายแรง แต่อีกคนอาจมองว่าเป็นความท้าทาย เมื่อไหร่ที่เจอความทุกข์ให้ฝึกมองว่ามันคือบททดสอบ เป็นความท้าทายใหม่ๆ หลายครั้งก็สามารถทำให้เรามีความคิดที่เป็นบวกได้มากขึ้น

*การคิดบวกเป็นการ(พยายาม)ปรับมุมมองหรือกรอบของความคิด โดยไม่ใช่เพื่อหลอกตัวเองว่าเรา "ไม่มีปัญหา" แต่เพื่อให้เรา "มีแรงพอ"ที่จะสู้กับปัญหา 

"หากรู้จักมองชีวิตในด้านบวก ชีวิตของคนเราจะมีความสุขมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ"

ภาพจาก google.com

คำสอนที่ 6 เงินไม่ใช่คำตอบของชีวิตเสมอไป

>>สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับลูกๆอาจไม่ใช่เงิน ไม่ใช่บ้านหรูๆ หรือของขวัญล้ำค่า แต่เป็นเวลาและความใส่ใจ "เงิน ไม่ใช่คำตอบของชีวิตเสมอไป"

ภาพจาก google.com

คำสอนที่ 7 เราไม่สามารถทำอะไรให้ถูกใจคนทุกๆคนได้

>>ทุกคนเกิดมาด้วยพรสวรรค์และตัวตนที่แตกต่าง/ไม่เท่ากัน หากเราพบว่าตนเองกำลังใช้ชีวิตบนความคิดและความคาดหวังของคนอื่นแต่ไม่ใช่ของตัวเราเอง การกล้าที่จะยอมรับตัวตนของเราเอง และก้าวไปตามทางนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่สมควรสร้างให้เกิดขึ้นอย่างยิ่ง

ภาพจาก google.com

คำสอนที่ 8 เราคงไม่รู้ว่าความสุขมันเป็นยังไงถ้าไม่เคย"เจ็บปวด"มาก่อน

>>ความทุกข์บางครั้งมันก็มีประโยชน์ เราไม่สามารถที่จะมีความสุขโดยปราศจากความความเจ็บปวด ไม่สามารถที่จะมีแค่ลั้นลาโดยปราศจากเศร้าซึม และไม่สามารถเลือกที่จะมีแค่ความหวังโดยที่ไม่เคยมีความรู้สึกลังเล 

"จริงๆแล้วความทุกข์เป็นเรื่องดี เพราะมันทำให้รู้ว่าสุขมีค่าแค่ไหน และเราคงไม่รู้ว่าความสุขมันเป็นยังไง ถ้าไม่เคยเจ็บปวดมาก่อน" 

ภาพจาก google.com

คำสอนที่ 9 ชีวิตยังต้องก้าวต่อเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันเเล้วไป

>>เราทุกคนล้วนมีอดีต มันอาจเป็นชุดของความทรงจำที่ดี ภาพที่สวยงาม หรือเป็นประสบการณ์ที่โหดร้าย อดีตที่ไม่น่าจดจำ เมื่อใดที่เรายึดอยู่กับบางสิ่งที่มันผ่านไปแล้วด้วยความรู้สึกบางอย่าง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเหมือนเครื่องพันธนาการไม่ให้ชีวิตของเราก้าวไปสู่ "บทต่อไป" แท้จริงๆแล้วเราสามารถที่จะเปลี่ยนประสบการณ์ร้ายๆให้มันกลายเป็น "บทเรียนที่ล้ำค่า" ไว้สอนใจตัวเองได้ 

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ : คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา