คดีดัง!!!ตำรวจขอคืนพื้นที่สาธารณะจากวัดพระธรรมกาย ทำได้หรือ ? ใครคือเจ้าทุกข์ !!!?
สรุป คือจะรู้กฎหมายหรือไม่ก็ตาม หากกระทำความผิดต้องถูกลงโทษ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก จึงต้องศึกษากฎหมายไว้ป้องกันตัว และให้เป็นวิทยาทานแก่คนที่ไม่รู้ http://winne.ws/n11971
ผมเกิดพุทธศตวรรษที่24 ในยุคถิ่นกาขาว มีความรู้กฎหมายไทยพื้นฐานเหมือนทุกท่านที่ต้องรู้ มีใบอนุญาตให้เป็นทนายความ แต่ไม่ประกอบอาชีพทนายความ
สาเหตุที่ศึกษากฎหมายเพราะได้อ่านหนังสือพบ หลักกฎหมายไทยว่า “ความไม่รู้กฎหมาย จะอ้างเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้” แม้จะมีข้อยกเว้นบางประการให้ยกขึ้นอ้างได้และพิสูจน์ได้ว่าไม่รู้กฎหมายจริง ก็เป็นเหตุให้เพียงลดโทษเท่านั้น ศาลจะไม่ลงโทษเลยไม่ได้
สรุป คือจะรู้กฎหมายหรือไม่ก็ตาม
หากกระทำความผิดต้องถูกลงโทษ
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
จึงต้องศึกษากฎหมายไว้ป้องกันตัว
และให้เป็นวิทยาทานแก่คนที่ไม่รู้
มาถึงพุทธศตวรรษที่ 25 ยุคชาวศิวิไลซ์ในปัจจุบัน จากข่าวสารต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่า มีการนำกฎหมายมาใช้ในลักษณะแปลกๆไม่เหมือนในอดีต และเป็นข้อกฎหมายที่ใกล้ตัวเราทุกคน ที่อาจเกิดกับคนทั่วไปอย่างเราๆได้ทุกเมื่อ โดยอาจกระทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเหตุใดก็ตาม ก็ต้องถูกลงโทษอยู่ดี ตามหลักกฎหมายไทย ที่กล่าวมาแล้ว
จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนเรื่องนี้ขึ้น โดยอาศัยข้อมูลจากข่าวสาร ที่เผยแผ่ทั่วไปในปัจจุบัน
*** อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยผมมีความรู้ทางกฎหมายในเบื้องต้นเท่านั้น หากความเห็นใดๆที่นำเสนอไปไม่ชอบโดยข้อกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปหรือเกิดจากความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ผมขอรับคำชี้แนะจากผู้รู้ทุกท่านด้วย เพื่อประดับสติปัญญาและเป็นวิทยาทานแก่ประชาชนทั่วไปด้วยนะครับ ***
วันนี้ข่าวที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่รู้กันทั่วไปทั่วโลกเพราะมีการลงในสื่อมากมายและเป็นมานานซึ่งจะทำให้ทุกคนเข้าใจความเป็นมาได้ง่ายคือข่าวของวัดพระธรรมกาย
ผมจะขอเริ่มด้วยการขอคืนพื้นที่สาธารณะของตำรวจจากวัดพระธรรมกาย เพราะบังเอิญผมมีทีดินติดถนนสาธารณะอยู่แปลงหนึ่งและเชื่อว่าหลายท่านคงอาจสนใจเรื่องนี้เพราะโดยปกติที่ดินติดถนนสาธารณะหรือพื้นที่สาธารณะย่อมเป็นที่ดินที่สวยงาม ใช้ประโยชน์ได้มาก และมีลักษณะพิเศษในตัวที่อาจทำให้เราทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัวได้ครับ
จากข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ที่เขียนว่า มีนายตำรวจผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเปิดเผยถึง กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 กว่า 5 กองร้อย และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังขอคืนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกายตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ว่า “วันนี้เป็นปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ทางสาธารณะที่อยู่ในบริเวณใกล้กับวัดพระธรรมกาย ตามที่เจ้าหน้าที่ธนารักษ์จังหวัดได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ”
คำว่าพื้นที่ทางสาธารณะทำให้นึกถึงทีดินติดถนนสาธารณะของผมเอง และเมื่อดูคำให้สัมภาษณ์แล้วคิดว่า คดีบุกรุกที่สาธารณะที่ทำให้ตำรวจต้องมาขอพื้นที่คืนต้องเป็นคดีที่มีความผิดร้ายแรงมีโทษสูงมากทีเดียว เพราะต้องใช้กำลังตำรวจในการขอคืนพื้นที่มากกว่า 5 กองร้อย และยังมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมกำลังทหารอีกต่างหาก
สงสัยไหมครับว่า กำลังกว่า 5 กองร้อยมากแค่ไหน เท่าที่รู้มาเขาคิดอย่างนี้ครับ การจัดกำลังพลของทหาร 1 กองร้อยมีทหาร 176 คน ถ้าเป็นตำรวจ 1 กองร้อย จะมีตำรวจ 150 คน ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทั่วไปหาดูได้ตามสื่อครับ
จากข่าวการให้สัมภาษณ์ซึ่งไม่แน่ชัดว่าใช้กำลังส่วนไหนเท่าไหร่ เอาเป็นว่าใช้ตำรวจ 5 กองร้อยตามที่นายตำรวจใหญ่ให้สัมภาษณ์มาก็แล้วกัน ทำให้ คำนวณเฉพาะกำลังตำรวจ ได้ (5*150) 750 คน ไม่รวมส่วนที่มากกว่า และเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ กับทหารนะครับ
เรื่องบุกรุกที่ดินสาธารณะไม่ร้ายแรงได้อย่างไรเพราะต้องใช้กำลังตำรวจมากขนาดนี้
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
.............................
พิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ของนายตำรวจใหญ่บอกว่า “มาขอคืนพื้นที่ตามที่ เจ้าหน้าที่ธนารักษ์จังหวัดได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ”
แสดงว่า กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังเป็น “ผู้เสียหาย” เพราะเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ ในคดีบุกรุกซึ่งเป็นคดีมีโทษทางอาญา
ทำให้สงสัยคำว่า “ทางสาธารณะ” หมายถึงอะไรถึงทำให้ กรมธนารักษ์ เป็นผู้เสียหายในกรณีร้องทุกข์ ทางที่ใช้กันทั่วๆไปน่าจะมีผู้ดูแลคือ กรมทางหลวง ในพื้นที่ทางหลวงหรือ กรมทางหลวงชนบทในพื้นที่ทางหลวงชนบท หรือ อบต. ในพื้นที่ถนนในความดูแลของ อบต.ไม่ใช่หรือ ???
แล้วกรมธนารักษ์มีหน้าที่ดูแลที่ราชพัสดุมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้ยังไง หรือว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ราชพัสดุ เมื่อค้นดูก็พบกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
1.กฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์ เกี่ยวกับที่ราชพัสดุพ.ศ. ๒๕๔๕ ( ฉบับปรับปรุง )
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ รวมทั้งการปกครอง ดูแล และบำรุงรักษาที่ราชพัสดุ ให้กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินการแทนกระทรวงการคลังในเรื่องดังต่อไปนี้
(๒) ดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ
ดูกฎกระทรวงการคลังข้อนี้แล้วสรุปได้ว่า “ กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ” แล้วที่ราชพัสดุคือที่ไหนบ้าง ที่ดินตรงนี้ต้องเป็นที่ราชพัสดุแน่ๆเลย กรมธนารักษ์จึงเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ค้นต่อพบพระราชบัญญัติ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 เขียนไว้ว่า
มาตรา 4 ที่ราชพัสดุ หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิดเว้นแต่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังต่อไปนี้
(1) ที่ดินรกร้างว่างเปล่าและที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน
(2) อสังหาริมทรัพย์สำหรับพลเมืองใช้หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้น ว่าที่ ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ ส่วนอสังหาริมทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคล และขององค์ การปกครองท้องถิ่นไม่ถือว่าเป็นที่ราชพัสดุ
สรุป ในช่วงนี้ได้ว่า กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ “ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 4(2) พระราชบัญญัติ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518” จึงไม่ใช่ผู้เสียหายในเรื่องนี้
ดังนั้น ที่นายตำรวจใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่า “มาทวงทางสาธารณะสมบัติคืนตามที่กรมธนารักษ์ร้องทุกข์” น่าจะมีปัญหาแล้ว เพราะกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ให้คำนิยามว่า
“ผู้เสียหาย” หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้
และโดยหลักการดำเนินคดีทั่วไป
ผู้ที่จะดำเนินคดีได้คือ ผู้เสียหาย
ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย
ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา
ผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายให้ดำเนินคดี
ซึ่งจะเห็นได้ชัดเพราะตำรวจอ้างว่ามาตามที่มีผู้ร้องทุกข์ไม่ได้มาเองนะ จึงมีคำถามว่า เมื่อกรมธนารักษ์ไม่มีอำนาจดำเนินคดีในพื้นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน จึงไม่เป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้
ทำไมตำรวจจึงรับเรื่องราวร้องทุกข์กล่าวโทษจากกรมธนารักษ์ ตามที่นายตำรวจใหญ่ท่านนั้นให้สัมภาษณ์มาข้างต้น
>> การดำเนินการครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ??
>> เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ??
เพราะตำรวจต้องรู้ดีว่าคนที่มีอำนาจให้ดำเนินคดีได้เป็นใคร เมื่อคนร้องทุกข์ไม่มีอำนาจ ตำรวจใช้อำนาจอะไรมาขอคืนพื้นที่
ถ้าเป็นอย่างนี้ทั้งกรมธนารักษ์และตำรวจ ที่เข้ามาดำเนินการโดยไม่มีอำนาจจะมีความผิดเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไหม ??
เรื่องนี้น่าสนใจมากเพราะหากเกิดขึ้นกับตัวเราเองแล้วเราต้องตรวจสอบให้ชัดเจน การที่ตำรวจเข้าดำเนินการใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไปครับ
ส่วนกรณีศึกษาเรื่องการกล่าวหาว่าวัดพระธรรมกายบุกรุกที่สาธารณะ แล้วใครเป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดี ที่แท้จริง มีขั้นตอนดำเนินการที่ถูกต้องอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจากhttp://khon2yook.blogspot.com/2017
ภาพจาก google.com