เรื่องอยากเล่า! ผมถามตัวเองว่า เรากำลังจะตายแล้วหรือ ? ผมเป็นโรคฮิต "ติดเชื้อในกระแสเลือดครับ"

สองสามวันต่อมาอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงมากขึ้น ความดันขึ้นสูง หัวใจเต้นเร็วขึ้นจากปกติ 70+/- มาเป็น 120+/- เริ่มมองเห็นแสงแดด หรือแสงไฟในอาคารเป็นสีเหลืองอ่อน คืนก่อนไปพบแพทย์ กลางดึกเกิดทุขเวทนาอย่างแรงกล้า หนาวสั่นทั้งที่ไม่ได้เปิดแอร์ http://winne.ws/n12257

1.3 พัน ผู้เข้าชม
เรื่องอยากเล่า! ผมถามตัวเองว่า เรากำลังจะตายแล้วหรือ ? ผมเป็นโรคฮิต "ติดเชื้อในกระแสเลือดครับ"แหล่งภาพจาก News Lifestyle

       ช่วงก่อนปีใหม่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดศีรษะเป็นบางวัน ไอบ้าง มีเสมหะบ้างแต่ไม่มาก ประกอบกับมีภาระกิจติดพันอยู่ จึงไม่ได้ไปพบแพทย์ได้ชื้อยาแก้ปวด แก้แพ้มากินเอง อาการป่วยก็ทุเลาลงจนเกือบปรกติ เหลือเพียงปวดศรีษะเป็นบางวัน ก็กินยาแก้ปวดเรื่อยมาประมาณ 5 วัน จึงหยุดยาแก้ปวด เพราะทราบว่าอาจเป็นผลเสียต่อตับ วันที่ 31 ธ.ค. ได้ไปสวดมนต์ข้ามปี และทำบุญใส่บาตรในวันขึ้นปีใหม่ ร่างกายก็ไม่ได้ผิดปรกติไปกว่าเดิมเกือบทั้งวันที่สวดมนต์ นั้งสมาธิ และอยู่ร่วมกิจกรรมเวียนเทียนที่วัดในช่วงค่ำ (นั่งสวดมนต์ ไม่ได้เดิน)

       ขณะที่ขับรถกลับบ้านในช่วงค่ำ รู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรงแต่ก็ขับรถถึงบ้านอย่างปลอดภัย... 

       สองสามวันต่อมาอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงมากขึ้น ความดันขึ้นสูง หัวใจเต้นเร็วขึ้นจากปกติ 70+/- มาเป็น 120+/- เริ่มมองเห็นแสงแดด หรือแสงไฟในอาคารเป็นสีเหลืองอ่อน คืนก่อนไปพบแพทย์ กลางดึกเกิดทุขเวทนาอย่างแรงกล้า หนาวสั่นทั้งที่ไม่ได้เปิดแอร์ รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว พยายามถามตัวเองว่าเรากำลังจะตายแล้วหรือ...? พยายามทำสมาธิก็ทำไม่ได้เพราะความรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัวมีมากเหลือเกิน... ใจคิดเริ่มเป็นห่วงแม่ที่อายุจะครบ 99 ปีปลายเดือนนี้ ห่วงคนรอบข้างที่ต้องดูแล และที่สำคํญคือ งานปกป้องพระพุทธศาสนายังไม่สำเร็จ พยามยามบอกตัวว่ายังตายไม่ได้ๆๆๆๆ...

         ขณะที่ใจว้าวุ่นก็เริ่มนึกถึงว่าถ้าเราสิ้นใจไปในเวลานี้ บ้านที่อบอุ่น ราคาหลายล้านบาทก็เอาไปไม่ได้ รถ BENZ  ที่เพิ่งซื้อมา ก่อนเกษียณก็เอาไปไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด ที่มีอยู่เอาอะไรไปไม่ได้เลย คงมีแต่บุญและบาปเท่านั้นที่ติดตัวเราไป...       

เรื่องอยากเล่า! ผมถามตัวเองว่า เรากำลังจะตายแล้วหรือ ? ผมเป็นโรคฮิต "ติดเชื้อในกระแสเลือดครับ"

        มาถึงจุดนี้ทำให้ได้นึกถึงคำสอนของพระเดชพระคูณหลวงพ่อและครูบาอาจารย์ที่ว่า "ถ้าบุญเราน้อย อุปสรรคในชีวิตก็จะมาก ถ้าบุญเรามาก อุปสรรคก็จะน้อย" หาบุญมาได้ต้องใช้บุญให้เป็น มีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า "ถ้าเรารอดชีวิตไปในครั้งนี้ เราอยากทำอะไรมากที่สุด"... เมื่อได้คำตอบในใจแล้ว ก็เริ่มนึกทบทวนบุญใหญ่ต่าง ๆ ที่ทำสะสมมากว่า 30 ปี ติดต่อกันไม่ได้ขาด คงด้วยอาจิณกรรมที่ทำดีไว้อย่างต่อเนื่อง และบุญสวดธรรมจักฯที่หน้าเจดีย์พระพุทธเจ้าหนึ่งล้านพระองค์ ทำให้ใจเริ่มสงบและอยู่ในบุญได้

         เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ จำได้แม่นยำว่า ก่อนที่จะหลับไปใจเกาะเกี่ยวอยู่แต่บุญที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องพระศาสนาแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ภาพกิจกรรมที่ได้ทำหน้าที่ต่าง ๆ ในอดีตที่ผ่านมาก่อนช่วงปีใหม่ ผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง จนไม่ทราบว่าหลับไปตอนไหน ตอนตื่นนอนในเวลาเช้า... รู้สึกดีใจที่ยังไม่ตาย และรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจัง ที่มีสุดยอดครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนให้ตั้งมั่นอยู่ใน ทาน ศีลและภาวนา ถ้าไม่ได้เข้าวัดมาอย่างต่อเนื่อง คงไม่มีโอกาสได้ทำบุญและระลึกถึงบุญได้แบบนี้เลย

          ก่อนออกเดินทางไปโรงพยาบาล เริ่มไอแล้วมีเลือดปนมากับเสมหะ เป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่มีบางสิ่งบางอย่าง ส่งเข้ามาในความรู้สึกว่า ให้งดอาหารเพื่อเจาะเลือด และให้เตรียมของใช้ส่วนตัว

          กรณีที่ต้อง admid... เมื่อเดินทางถึงโรงพยาบาลก่อนพบแพทย์ รู้สึกตัวเองจะเป็นลม ยืนรอติดต่อเค้าเตอร์พยาบาลไม่ไหว จึงให้ภรรยาไปติดต่อแทน และให้ไปซื้อยาดมมาให้... เมื่อพบแพทย์เฉพาะทาง ทำการตรวจ และวัดไข้ ไม่ถึงห้านาที หมอสั่ง admid และให้ x-ray ปอด พร้อมเจาะเลือดตรวจด่วน...

          คืนแรกที่นอนโรงพยาบาล มีพยาบาลเข้ามาวัดไข้ เกือบทุกชั่วโมง ให้น้ำเกลือ ให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือด และพ่นยาฆ่าเชื้อทางจมูก บ่อยจนจำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง. นับเป็นความเจ็บป่วยที่ต้อง admid ครั้งแรกในชีวิต จึงไม่ประสงค์ที่จะบอกเพื่อนฝูงและญาติ บอกเฉพาะคนในครอบครัว เพราะเกรงว่าถ้าเพื่อน ๆ หรือผู้ที่เคารพนับถือมาเยี่ยม อาจจะติดเชี้อได้

          วันที่สอง คุณหมอมาแจ้งผลตรวจเลือด และผลx-rayปอด ว่าเป็นไข้หวัด ปอดอักเสบอย่างรุนแรง และมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด WBC 20,000+ ถ้ามาโรงพยาบาลช้ากว่านี้อาจถึงขั้นเสียชีวิต... ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่า การทำให้พยานปากเอกหรือผู้ต้องหาที่ต้องการฆ่าตัดตอนจึงตายเพราะติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นส่วนใหญ่ โอ้ว.... เราโชคดีที่บุญช่วย ยังไม่ถึงขั้นตาย

          หลังจากคุณหมอเฝ้าดูอาการอีกสองคืน จึงเจาะเลือดและx-rayปอด อีกครั้ง ผลตรวจเป็นที่พอใจ WBC ลดลงเกือบปรกติ จึงอนุญาตให้กลับบ้าน กินยาอีกหนึ่งสัปดาห์ แล้วไปติดตามผลในสัปดาห์หน้า

เรื่องอยากเล่า! ผมถามตัวเองว่า เรากำลังจะตายแล้วหรือ ? ผมเป็นโรคฮิต "ติดเชื้อในกระแสเลือดครับ"

ข้อคิดจากการเจ็บป่วย

         - โชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฎฐิ

          - โชคดีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ได้โอกาสในการสร้างบารมี

          - โชคดีที่มีกัลยาณมิตรที่ดี คอยชักจูงให้อยู่ในเส้นทางบุญ ไปกับหมู่คณะ

          - โชคดีที่ประสพความสำเร็จในชีวิตทั้งส่วนตัว และเรื่องการงาน

          - โชคดีที่ได้พบครูบาอาจารย์ที่สุดยอด สั่งสอนให้ตั้งมั่นใน ทาน ศีล และภาวนา ให้รู้จักบาป บุญ คุณและโทษ เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ และให้โอกาสลูกศิษย์ ในการสร้างบารมียิ่งๆขึ้นไป

          สอนให้เตรียมตัวรวย ด้วยอาชีพสุจริต ทำงานด้วยหลักอิทธิบาท4 ทำให้หน้าที่การงานก้าวหน้า ถึงตำแหน่งสูงสุดของสายงาน มีเงินเดือนที่สูง โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เกิดจากเพียงหนึ่งสมองสองมือ แต่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จคือบุญ

          สอนให้รวย คือมีจิตใจที่รวย ใจที่รวยก็จะอิ่มจะเต็ม เพียงพอไม่ขาด จึงพร้อมที่จะเป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู้รับ ไม่คิดที่จะคดโกง เอาของๆผู้อื่น ผลก็คือมีความสุขหลังเกษียณ มีทรัพย์สินพอเพียง เหลือกินเหลือใช้ เหลือไว้ไปสร้างบุญกุศล และสงเคราะห์บุพการี ญาติพี่น้อง

          พระเดชพระคุณหลวงพ่อ เปิดโอกาสให้ลูกๆ ได้สะสมบุญบ่อยๆในวาระต่าง ๆ ทุก ๆ ปี เป็นสิ่งที่ดีมาก ความคิดส่วนตัวเปรียบได้กับ เป็นการทำประกันชีวิต ในวัฎฎะสงสาร เพื่อไม่ให้ตกไปสู่อบายภูมิ เพราะบุญบางอย่างเป็นกาลทาน บุญบางอย่าง ส่งผลนับอสงไขยชาติ เป็นต้น

Cr. กู้เกียรติ 

แชร์