ตะลึง! 8 มหาเศรษฐีมีทรัพย์สินเท่าคนจนสุดครึ่งโลกรวมกัน!
องค์กรการกุศล อ็อกซ์แฟม ในประเทศอังกฤษเปิดเผยล่าสุด ระบุว่า ทรัพย์สินส่วนบุคคลของมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก 8 คน มีมูลค่ารวมแล้วเท่ากับทรัพย์สินของคน 3,600 ล้านคนที่จนที่สุด ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรโลก http://winne.ws/n12342
ความแตกต่างกันของชนชั้นระหว่างคนจนกับคนรวยนั้นถ้าคิดสัดส่วนแล้วคนจนมีมากมายมหาศาล แต่คนที่รวยสุด ๆ เพียงไม่กี่คนกับมีทรัพย์เท่ากับคนจน ได้ถึงครึ่งโลกเลยทีเดียว
สำนักข่าวเอเอฟพี ซีเอ็นเอ็น และบีบีซีรายงานว่า รายงานขององค์กรการกุศล อ็อกซ์แฟม ในประเทศอังกฤษเปิดเผยเมื่อวันที่ 15 มกราคม ระบุว่า ทรัพย์สินส่วนบุคคลของมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก 8 คน มีมูลค่ารวมแล้วเท่ากับทรัพย์สินของคน 3,600 ล้านคนที่จนที่สุด ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรโลก
มหาเศรษฐีกลุ่มดังกล่าวที่เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน 6 คน สเปน 1 คนและเม็กซิโกอีก 1 คน จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ ประกอบด้วยบิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์, อามันซิโอ ออร์เตกา ผู้ก่อตั้งอินดิเท็กซ์เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าซารา, วอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์, คาร์ลอส สลิม เฮลู เจ้าของกลุ่มบริษัทกรูโป คาร์โซ, เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของอเมซอน, มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารของเฟซบุ๊ก, ลาร์รี เอลลิสัน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารของออราเคิล และไมเคิล บลูมเบิร์ก เจ้าของสื่อยักษ์ใหญ่บลูมเบิร์ก โดยทั้งหมดนี้มีทรัพย์สินรวมกัน 426,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15 ล้านล้านบาท)
อ็อกซ์แฟมชี้ให้เห็นว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างช่องว่างที่ใหญ่โตมโหฬารระหว่างคนรวยกับคนจน และความไม่พอใจต่อการเมืองกระแสหลักทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้น โดยเมื่อปีที่แล้วทรัพย์สินของคนยากจนที่สุด 50 เปอร์เซ็นต์ของโลกเท่ากับทรัพย์สินของมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด 62 คนรวมกัน
รายงานของอ็อกซ์แฟมในหัวข้อ “เศรษฐกิจสำหรับคน 99 เปอร์เซ็นต์” ระบุว่า “นับจากเบร็กซิทถึงชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของโดนัลด์ ทรัมป์ และการเพิ่มจำนวนของผู้ที่ผิดหวังกับการเมืองกระแสหลัก สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ไม่ยินดีอดทนต่อสิ่งที่เป็นอยู่”
รายงานฉบับนี้ที่ใช้ข้อมูลจากอันดับมหาเศรษฐีโลกของฟอร์บส์และหนังสือข้อมูลความมั่งคั่งโลกของเครดิตสวิส เผยแพร่ก่อนหน้าการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกประจำปี เวิลด์อีโคโนมิคฟอรั่ม (ดับเบิลยูอีเอฟ) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 มกราคม ที่จะมีผู้นำทั้งภาคธุรกิจและการเมืองเข้าร่วมกว่า 3,000 คน
ความไม่เท่าเทียมกันเป็นหนึ่งในประเด็นที่เป็นวาระสำคัญในการประชุมดับเบิลยูอีเอฟครั้งนี้ และเป็นเวลา 4 ปีมาแล้วที่เวทีดับเบิลยูอีเอฟระบุว่า ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อความมีเสถียรภาพทางสังคม แต่อ็อกซ์แฟมระบุว่า ปัญหาเรื่องนี้มีแต่ย่ำแย่ลง
“แม้ว่าบรรดาผู้นำโลกจะลงนามในข้อตกลงระดับโลกเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แต่ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนมีแต่ถ่างกว้างขึ้น” อ็อกซ์แฟมระบุ
รายงานยังระบุด้วยว่า 7 ใน 10 คน อาศัยอยู่ในประเทศที่ปัญหาความไม่เท่าเทียมย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา และในช่วง 25 ปีหลัง ผู้ที่มีฐานะร่ำรวยที่สุด 1 เปอร์เซ็นต์ มีรายได้เพิ่มมากกว่าผู้ที่มีรายได้น้อยที่สุด 50 เปอร์เซ็นต์รวมกัน นอกจากนี้ยังมีความเหลือมล้ำทางเพศอยู่ด้วย โดยจากมหาเศรษฐี 1,810 คนทั่วโลก 89 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชาย
กลุ่มคนที่ยากจนทั่วโลกโดยเฉพาะอินเดียและประเทศในแถบทวีปแอฟริกา
รายงานยังระบุด้วยว่า 7 ใน 10 คน อาศัยอยู่ในประเทศที่ปัญหาความไม่เท่าเทียมย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา และในช่วง 25 ปีหลัง ผู้ที่มีฐานะร่ำรวยที่สุด 1 เปอร์เซ็นต์ มีรายได้เพิ่มมากกว่าผู้ที่มีรายได้น้อยที่สุด 50 เปอร์เซ็นต์รวมกัน นอกจากนี้ยังมีความเหลือมล้ำทางเพศอยู่ด้วย โดยจากมหาเศรษฐี 1,810 คนทั่วโลก 89 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชาย
รายงานของอ็อกซ์แฟมเรียกร้องให้มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีบุคคลและนิติบุคคลที่มีฐานะร่ำรวย เช่นเดียวกับการให้มีข้อตกลงความร่วมมือระดับโลกในการยุติการแข่งขันระหว่างประเทศต่างๆ ที่จะลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
นอกจากนี้อ็อกซ์แฟมยังประณามการล็อบบี้ของบริษัทต่างๆ และความใกล้ชิดระหว่างธุรกิจและการเมือง พร้อมเรียกร้องให้มีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นในการควบคุมจัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
