ทนายวัด(ใจ) ย้ำ! หลวงพ่อธัมมชโย ผิดข้อหา ฟอกเงินและรับของโจรจริงหรือ ?
ความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน และความผิดรับของโจรนั้น เป็นความผิดคนละข้อหากันนะครับ ไม่ใช่ข้อหาเดียวกัน นอกจากจะคนละข้อหาแล้ว ยังเป็นคนละตัวบทกฎหมายกันด้วยครับ http://winne.ws/n12364
ตั้งแต่เรียนจบนิติศาสตร์ในชั้นปริญญาตรีเป็นต้นมา ผมเองก็ทำมาหากินด้วยอาชีพทนายความมากว่า 10 ปี ว่าความมาก็มาก เกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ว่าความไป กินไป และก็เที่ยวไป สนุกกับการทำอาชีพทนายความนะครับ แต่พอได้มาเขียนบทความเกี่ยวกับความรู้ทางกฎหมาย ก็ขอบอกเลยนะครับว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตเหมือนกันที่มานั่งเขียนบทความทางกฎหมาย
การเขียนบทความทางกฎหมายแท้จริงแล้วไม่ง่ายเลย ต้องค้นหาความรู้ทางกฎหมายเพิ่มเติมค่อนข้างมาก แต่ก็ทำให้ผมค้นพบความเป็นจริงอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการเขียนบทความนะ
“เขียนด่าคนอื่น โคตรง่าย เขียนให้ความรู้คนอื่น ถึงจะยาก แต่ก็พอทำได้”
กลับมาที่หัวข้อที่จะมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ดีกว่าครับ เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้ใช้กฎหมาย ไม่เที่ยงธรรม พุทธศาสนิกชนจึงต้องออกมาถามหา ชาวบ้านตาสีตาสา ไม่รู้กฎหมาย จึงต้องให้ทนาย มาอธิบายความผิดในข้อหาฟอกเงิน และรับของโจร
ก่อนอื่นเลย ทุกท่านต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า ความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน และความผิดรับของโจรนั้น เป็นความผิดคนละข้อหากันนะครับ ไม่ใช่ข้อหาเดียวกัน นอกจากจะคนละข้อหาแล้ว ยังเป็นคนละตัวบทกฎหมายกันด้วยครับ ซึ่งในบทความเดียวคงไม่สามารถที่จะบรรยายได้ทั้งหมด คงต้องติดตามตามอ่านกันหลายๆ บาทความนะครับ
ความผิดในข้อหาฟอกเงิน มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ “พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542”
ความผิดในข้อหารับของโจร มีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ “ประมวลกฎหมายอาญา”
สำหรับบทความนี้คงจะขอเล่าสู่กันฟังเฉพาะความผิดในข้อหาฟอกเงินเพียงอย่างเดียวก่อนนะครับ เพราะมาเนื้อหาเยอะมากๆๆๆๆๆ ซึ่งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินนั้น เราต้องเข้าใจให้แจ่มแจ้งเสียก่อนนะครับ คือ
1. เงินที่ได้มานั้น ต้องมาจากการกระทำความผิด (พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 3)
2. เอาเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ไปทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ผิดกฎหมายฟอกเงิน (พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 5)
การฟอกเงิน ถ้าให้เขียนเป็นภาษาบ้าน ๆ อ่านแล้วเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ “การนำเงินทุจริต ไปใช้หรือไปเก็บไว้”
ตามกฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงิน ถ้าเงินที่ได้มาเป็นเงินที่ได้มาอย่างสุจริต คงไม่มีทางที่จะกลายเป็นการฟอกเงินได้ครับ นั่นหมายความว่า “ถ้าเงินที่ได้มานั้น เป็นเงินที่ถูกกฎหมาย ผู้ที่รับเงินต่อไปก็ไม่มีความผิด”
แต่มีคำถามว่า แล้วเงินที่เป็นความผิดนั้นเป็นอย่างไร ? แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเงินนั้นเป็นเงินผิดกฎหมาย ?
ลองกลับมาดูที่ ข้อ 1. ที่ผมเขียนไว้ข้างต้นนะครับ ผมอ้างตัวบทกฎหมายไว้ ว่า ..เงินที่ผิดกฎหมายมีอะไรบ้าง สามารถดูได้จาก ..
พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 3 ซึ่งระบุไว้ 21 ความผิด ดังต่อไปนี้ครับ
1. ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
2. ความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือการค้าประเวณี หรือค้ามนุษย์
3. ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน หรือผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่)
4. ความผิดเกี่ยวกับการยักยอก ฉ้อโกง ประทุษร้ายต่อทรัพย์ หรือทุจริตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน
5. ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
6. ความผิดเกี่ยวกับการกรรโชกที่กระทำโดยอั้งยี่หรือซ่องโจร
7. ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากร
8. ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย
9. ความผิดเกี่ยวกับการพนัน
10. ความผิดเกี่ยวกับการรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการค้า
11. ความผิดเกี่ยวกับการรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะที่เกี่ยวกับการช่วยจำหน่าย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใดซึ่งทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการค้า
12. ความผิดเกี่ยวกับการปลอมหรือการแปลงเงินตรา ดวงตรา แสตมป์ และตั๋วตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นการค้า
13. ความผิดเกี่ยวกับการค้า ที่เกี่ยวกับการปลอม หรือการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
14. ความผิดเกี่ยวกับการปลอมเงินตรา เอกสาร บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือหนังสือเดินทาง
15. ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ16. ความผิดเกี่ยวกับการทำร้ายชีวิตและร่างกาย เพื่อให้ได้ทรัพย์สิน
17. ความผิดเกี่ยวกับการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น เพื่อเรียกหรือรับผลประโยชน์
18. ความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง หรือยักยอก เป็นปกติธุระ
19. ความผิดเกี่ยวกับโจรสลัด
20. ความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์
21. ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน กระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน เฉพาะที่เป็นการค้า
เป็นยังไงกันบ้างครับ อ่านแล้วรู้สึกเยอะมั้ย! ซึ่งทั้ง 21 ข้อนี้ เรียกว่า ความผิดมูลฐานนะครับ คนที่ได้เงินมาจากการกระทำความเหล่านี้ ยังไม่ถือว่ากระทำความผิดฐานฟอกเงิน
การกระทำความผิดฐานฟอกเงินนั้น จะเป็นได้ก็ต่อเมื่อนำเงินจาก 21 ความผิดข้างต้น ไปทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ผิดกฎหมายฟอกเงิน ตามพรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 5
แต่ก่อนที่เราจะไปทำความเข้าใจในมาตรา 5 ผมอยากขอให้ผู้อ่านทุกท่าน ลองดูความผิดทั้ง 21 ข้อนะครับ จะเห็นว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยฯ ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นความผิดทั้ง 21 ความผิดนั้นเลย
ถ้าให้ผมยกตัวอย่างในความผิดที่ 4 “ความผิดเกี่ยวกับการยักยอก ฉ้อโกง ประทุษร้ายต่อทรัพย์ หรือทุจริตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน” ข้อนี้ยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อธัมมชโยฯ เลยนะครับ เพราะว่าหลวงพ่อธัมมชโยฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสหกรณ์ฯ คลองจั่นแม้แต่น้อย
หรือ จะเป็นความผิดที่ 10-11 “ความผิดเกี่ยวกับการรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการค้า” ความผิดนี้ยิ่งไม่ใช่อีกแน่นอน เพราะว่า “มีแต่คนทำบุญ ไม่เห็นมีโจรสักคน”
ที่สำคัญที่สุดนะครับ สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยฯ ได้มานั้น ไม่มีลักษณะเป็นการค้าแม้แต่น้อย แต่เป็นไปเพื่อการศาสนาทั้งสิ้น
ดังนั้น ความผิดต่าง ๆ ที่พนักงานสอบสวน หรือ DSI ถวายมาให้หลวงพ่อธัมมชโยฯ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนะครับ ระวังกันไว้ให้ดีๆ เพราะเป็นถึงเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแท้ ๆ แต่กลับกระทำผิดกฎหมายเสียเอง กระบวนการกฎหมายจะวิ่งเข้าหาตัวเองนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่ที่ดินที่ตับแตกตายใน DSI คดีนี้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ครับ เงียบเข้ากลีบเมฆกันเลยทีเดียว
เขียนมาซะเยอะนะครับ แต่ยังไม่หมดเรื่องการฟอกเงินเลย เกรงว่าจะเยอะจนเกินไปแล้วจะไม่มีใครอ่าน ก็ขอเก็บไว้ครั้งต่อไปนะครับ ขอให้เพิ่มสมาชิกมาติดตามอ่านกันด้วย แต่ก่อนจะจากกันไป ผมลูกพระธัมฯ หลานคุณยายฯ ขออาราธนาคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยฯ มาตอกย้ำซ้ำเดิม กันซะหน่อย เพื่อกระตุกจิตใจพี่น้องสาธุชนทุกท่านที่กำลังตกอยู่ภายใต้ “อกุศโลบาย” การสร้างความแตกแยกในหมู่เรา
“พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว”
ทนายวัด (ใจ)
17 มกราคม 2560
อำนาจแห่งยศฐา vs อำนาจแห่งศรัทธา ปกป้องพระพุทธศาสนา ชาวพุทธรักสงบ และสันติ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟสบุ๊ค.คอม