การฟอกเงินนั้น เป็นกฎหมายอาญา ต้องดูทั้งองค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายใน:วัดพระธรรมกายผิดหรือเปล่า ??
เกือบ 20 ปีที่ผ่านมา สมัยเรียนปริญญาตรี ตอนนั้นวัดพระธรรมกายมีข่าวเยอะมาก จริงหรือเท็จก็ไม่ทราบแน่ชัด ก็เลยอยากมาวัดฯ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตา http://winne.ws/n12457
ทนายวัด (ใจ ) ตอนที่ 7 ฟอกเงิน เป็นอย่างไร ??
วันพฤหัสบดี ที่ 19 มกราคม พ.ศ.2560
เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้ใช้กฎหมายไม่เที่ยงธรรม ชาวบ้านตาสีตาสา ผู้ไม่รู้กฎหมาย จึงต้องให้ทนายมาอธิบายว่า จะทำบุญทั้งที ทำไมต้องมีมารผจญ แล้วหลวงพี่ หลวงน้า หลวงตา หลวงปู่ ซึ่งเป็นพระผู้บริสุทธิ์ จะรู้มั้ยว่าใครเป็นโจร
เกือบ 20 ปีที่ผ่านมา สมัยเรียนปริญญาตรี ตอนนั้นวัดพระธรรมกายมีข่าวเยอะมาก จริงหรือเท็จก็ไม่ทราบแน่ชัด ก็เลยอยากมาวัดฯ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตา
จากตอนที่แล้ว ได้อธิบายเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายฟอกเงินไปแล้วนะครับ ซึ่งคนที่จะกระทำความผิดข้อหาฟอกเงิน เงินนั้นต้องมาจากการกระทำทั้ง 21 ความผิด จากนั้นก็เอาเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ไปครอบครอง , เปลี่ยนแปลงสภาพเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิด , จำหน่าย , จ่าย , โอน จึงจะเป็นความผิดที่เกี่ยวกับการฟอกเงินนะครับ ดั
กฎหมายเกี่ยวกับการฟอกเงินนั้น เป็นกฎหมายอาญาครับ ต้องเป็นความผิดหรือไม่กฎหมายพิจารณาถึง “องค์ประกอบภายนอก และองค์ประกอบภายใน” ซึ่งอ่านแล้วก็ทำให้งงนะครับ ว่าอะไรคือ “องค์ประกอบภายนอก และอะไร คือ องค์ประกอบภายใน”
องค์ประกอบภายนอก คือการพิจารณาจากข้อกฎหมาย ซึ่งข้อกฎหมายการฟอกเงินผมได้อธิบายไปในตอนที่แล้ว
มารู้จักองค์ประกอบภายใน ซึ่งองค์ประกอบภายในนั้นก็คือ “เจตนา”
การพิจารณาความผิดทางอาญานั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเจตนาในการกระทำความผิด หากการกระทำนั้น ขาดเจตนา ก็อาจเป็นการกระทำโดยประมาท หรือไม่มีความผิดเลยก็ได้
การทำบุญตามวัดวาอารามต่าง ๆ คนที่มาทำบุญ ย่อมมีเจตนาที่จะทำบุญนะครับ และพระสงฆ์ก็รับถวายมาจากเจตนาการทำบุญ ซึ่งหลวงพี่ หลวงน้า หลวงตา หลวงปู่ คงจะไม่สามารถทราบได้นะครับว่าเอาเงินมาจากไหน และไม่มีความจำเป็นต้องไปถามเรื่องที่มาของเงินด้วยครับ
เพราะอะไรที่หลวงพี่ หลวงน้า หลวงตา หลวงปู่ ไม่จำเป็นต้องไปถามว่าเงินมาจากไหน ตอบได้ง่ายมากเลยครับ ก็หลวงพี่ หลวงน้า หลวงตา หลวงปู่ มีเจตนารับถวายปัจจัยจากการทำบุญ แล้วถ้าเงินที่ หลวงพี่ หลวงน้า หลวงตา หลวงปู่ รับถวายมานั้น เอาไปสร้างศาสนสถาน หรือใช้ประกอบกิจของสงฆ์ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งชัดเจนเลยว่าเป็นเงินทำบุญ
ดังนั้น เงินทำบุญก็คือเงินทำบุญนะครับ ไม่ควรให้ใครมาเปลี่ยนเป็นเงินอย่างอื่น
เรื่องนี้สำคัญมาก เนื่องจากกรณีของวัดพระธรรมกาย และหลวงพ่อธัมมชโยฯ นั้น จะเป็นบรรทัดฐานของสังคมต่อไป เพราะว่า คดีแต่ละคดีถ้าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก็ถือว่าเป็นบรรทัดฐานของกฎหมายทันที ซึ่งนั่นหมายความว่า วัดทุกวัดทั่วประเทศจะทอดกฐินหรือทอดผ้าป่าทั้งที ก็มีความเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายฟอกเงิน
ก็การทอดกฐินหรือผ้าป่านั้น ใครจะไปรู้ว่าต้นกฐิน 1 ต้น มีเงินของใครบ้าง แล้วทอดกฐินสักครั้งหนึ่ง มีจำนวนคนมาทำบุญตั้งเยอะแยะ ไม่มีใครรู้เรื่องหรอกนะครับ
กรณีของวัดพระธรรมกาย และหลวงพ่อธัมมชโยฯ จึงสำคัญมากๆ จะให้การทำบุญเป็นเป็นบรรทัดฐานของการผิดกฎหมายฟอกเงินไม่ได้นะครับ มิฉะนั้นแล้วหลวงพี่ หลวงน้า หลวงตา หลวงปู่ จะอยู่กันอย่างไร จะเปิดตู้ทำบุญสักที ก็ต้องกลัวว่าผิดกฎหมายฟอกเงินหรือเปล่า มันใช่เรื่องซะที่ไหน!
สังคมไทยเป็นสังคมที่ให้โอกาส ผมได้ยินอย่างนั้นมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ๆ บางครั้งบางทีเวลาที่ทำอะไรผิดมา รู้สึกกังวลใจ ก็อยากมาทำบุญ นั่งสมาธิที่วัดถูกมั้ยครับ คนบางคนกลับตัวกลับใจ มีความสำนึกผิดชอบชั่วดี ก็มาทำบุญที่วัด แบบนี้หลวงพี่ หลวงน้า หลวงตา หลวงปู่ ไม่ผิดกฎหมายฟอกเงินกันทั่วบ้านทั่วเมืองหรอครับ
เรื่องแบบนี้ควรต้องแยกแยะนะครับ การทำบุญนั้นไม่ใช่หน้าที่ของคนดี การทำบุญเป็นเรื่องของทุก ๆ คน เจตนาทำบุญก็คือทำบุญ จะไปแยกแยะเงินทำบุญ เห็นว่าจะไม่สมควรเอานะครับ พระสงฆ์องค์เจ้าเขาไม่รู้เรื่องด้วยหรอก
อีกตัวอย่างก็ได้นะครับ แพทย์ทำการรักษาผู้ป่วยเพราะมีเจตนาช่วยเหลือ แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการหนักมากๆๆๆๆ ปรากฏว่ามาถึงมือแพทย์แล้วเสียชีวิตทันที แบบนี้พนักงานสอบสวนจะตีความเจตนาของแพทย์อย่างไรครับ ระหว่าง “เจตนา-ประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” หรือ “ไม่มีความผิด เพราะไม่มีเจตนาฆ่า แต่มีเจตนารักษา”
เพราะฉะนั้น เจตนาทำบุญคือการทำบุญนะครับ พนักงานที่รับหน้าที่ดูแล ควรต้องรู้จักแยกแยะเจตนาที่แท้จริงซึ่งเป็นองค์ประกอบภายใน ในการใช้กฎหมายด้วย รู้จักใช้หลักนิติรัฐ นิติธรรม เสียบ้างนะครับ ไม่ใช่ว่าจะตีความเอาแต่ตัวเองฝ่ายเดียว จะมีผลกระทบกับประชาชนทั้งประเทศหรือไม่ก็ไม่สนใจ
จะดีหรือชั่ว อยู่ที่ตัวทำ ทุกคนที่เป็นชาวพุทธก็ล้วนอยากทำบุญ ด้วยกันทั้งนั้น " เพราะชาวพุทธ..อยู่ได้ด้วยการให้ " ดังนั้นก็ไม่สำควรที่จะสร้างบรรทัดฐานให้ทุกคนกลัวการทำบุญ พระสงฆ์ นักบวชทั้งหลายก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงมีผู้คนมากมายมาเลื่อมใสศรัทธา แล้วจะให้พระสงฆ์ หรือนักบวชทั้งหลายต้องมากลัวการรับถวายปัจจัยจากญาติโยมทำไมครับ
จะทำผิดกฎหมาย ต้องมีเจตนากระทำความผิดเป็นองค์ประกอบ หลวงพ่อธัมมชโยฯ รับถวายปัจจัย เพราะสาธุชนเลื่อมใสศรัทธามากมาย สาธุชนทุกคนมีเจตนามาทำบุญ หลวงพ่อท่านก็มารับถวายปัจจัยตามเจตนาของญาติโยม เพราะฉะนั้นเจตนาของหลวงพ่อธัมมชโยฯ จึงบริสุทธิ์ ไม่ครบองค์ประกอบของกฎหมายที่จะเป็นความผิดฟอกเงินแต่อย่างใดนะครับ
ผมอยากเขียนมากกว่านี้นะครับ เหมือนว่าคนอ่านกำลังจะมันส์กับบทความ แต่ก็ต้องยอมรับครับว่า ถ้ายาวจนเกินไปบางคนอาจไม่อยากอ่าน ก็เอาแค่นี้ก่อนนะครับ
บทความต่อไป ผมจะมาอธิบายกฎหมายเรื่องการรับของโจรบ้าง ขอให้ติดตามอ่านกัน นอกจากนั้นขอให้หลวงพี่ หลวงน้า หลวงตา หลวงปู่ มาติดตามอ่านกันด้วย เพราะเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้นะครับ สำหรับเรื่องการฟอกเงินขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ พบกันใหม่บทความหน้า
“พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว”
ทนายวัด (ใจ)
19 มกราคม 2560