พระอานนท์ ทำบุญใด ? จึงได้เป็นผู้เลิศด้านพหูสูตร เป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจ้า

ข้าพระองค์ได้สร้างวิหารถวายแด่ภิกษุสงฆ์ครั้งนี้ มิได้กระทำบุญเพราะหวังสมบัติคือความเป็นท้าวสักกเทวราช ทั้งมิได้กระทำเพราะหวังพรหมโลกเลย แต่ทำเพราะปรารถนาความเป็นพุทธอุปัฏฐาก อยากเป็นที่โปรดปรานเหมือนพระสุมนอุปัฏฐาก http://winne.ws/n12835

4.5 พัน ผู้เข้าชม
พระอานนท์ ทำบุญใด ? จึงได้เป็นผู้เลิศด้านพหูสูตร เป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจ้า

พระอานนท์ ทำบุญใด ? จึงได้เป็นผู้เลิศด้านพหูสูตร เป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจ้า             

        จิตใจที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ประกอบด้วยความรักและความเมตตา เป็นทางมาแห่งสันติภาพอันไพบูลย์ เป็นหลักพื้นฐานที่จะทำให้มนุษยชาติอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข  พลังมวลแห่งความบริสุทธิ์จะช่วยเปลี่ยนแปลงกระแสโลก ที่กำลังร้อนแรงด้วยไฟ กิเลส มาเป็นกระแสแห่งความดีที่รุกเงียบไปในบรรยากาศ มวลมนุษยชาติจะปรองดองกัน  จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยถือว่าพวกเราทุกคนคือเครือญาติเดียวกัน ที่ต้องเดินทางไกลในวัฏสังสารไปสู่นิพพาน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ในมธุรัตถวิลาสินีว่า

“อายุญฺจ วณฺณญฺจ สุขํ พลญฺจ   วรํ ปสตฺถํ ปฏิภาณเมว

ททาติ นามาติ ปวุจฺจเต โส   โย เทติ สงฺฆสฺส นโร วิหารํ

       นรชนใด ถวายวิหารแก่สงฆ์  นรชนนั้น ท่านกล่าวว่า ชื่อว่า ให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณอันประเสริฐ ที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญแล้ว

       การทำบุญวิหารทานเป็นสังฆาราม เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ  เพราะเป็นการอำนวยความสะดวกแด่พระสงฆ์ผู้ประพฤติธรรม มุ่งขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป และมีอานิสงส์ใหญ่ การที่จะบำเพ็ญสมณธรรมให้ได้สะดวกนั้น ก็ต้องอาศัยสถานที่ที่เป็นสัปปายะ  เหมาะสมต่อการทำความเพียร  เพราะพระสงฆ์ได้สละความสุขทางโลก  เพื่อมาแสวงหาสาระที่แท้จริงในทางธรรม มุ่งทำพระนิพพานให้แจ้ง 

       ไม่สะดวกที่จะมาก่อสร้าง จำเป็นต้องอาศัยพุทธศาสนิกชนนี่แหละ ช่วยกันเป็นกำลังส่งเสริมสนับสนุนให้ท่านประพฤติธรรมได้โดยไม่ต้องเดือดร้อน  เพราะฉะนั้น ผู้ถวายวิหารแด่สงฆ์ ท่านจึงกล่าวว่า  เป็นผู้ให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ  ผลบุญอันไม่มีประมาณจะเกิดขึ้นกับผู้กระทำ ทำให้มีความสุขในทุกสถาน สมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ  กระทั่งนิพพานสมบัติ    

พระอานนท์ ผู้เลิศด้านอุปัฎฐาก พหูสูตร สหชาติกับพระบรมศาสดา

พระอานนท์ ทำบุญใด ? จึงได้เป็นผู้เลิศด้านพหูสูตร เป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจ้าแหล่งภาพจาก YouTube

  พระอานนท์เถระเป็นตัวอย่างของยอดนักสร้างบารมี 

       ผู้ที่ได้ถวายวิหารเป็นสังฆทานแด่ภิกษุสงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข  ด้วยอานิสงส์นั้น ทำให้ท่านเป็นผู้ที่ได้ใกล้ชิดกับพระพุทธองค์มากที่สุด จนได้รับยกย่องว่าเป็นยอดของภิกษุผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก แล้วยังเป็นพหูสูตอีกด้วย ปฏิจจสมุปบาทธรรม แม้เป็นธรรมที่ลึกซึ้งยากต่อการเข้าใจก็ดูเหมือนเป็นธรรมที่ง่ายสำหรับท่าน  ท่านมีโอกาสได้ฟังธรรมและสอบถามธรรมะในสำนักของพระบรมศาสดา จนได้เป็นยอดของภิกษุผู้เป็นพหูสูต ที่เป็นเช่นนี้  ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า ในอดีตท่านได้ถวายมหาวิหารเป็นสังฆทานนั่นเอง 

       เรื่องมีอยู่ว่า ในแสนกัป นับแต่ภัทรกัปนี้พระศาสดาทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ได้อุบัติขึ้นในโลก ทุกครั้งที่ทรงยกพระบาทเพื่อจะเหยียบลงบนแผ่นดิน  ดอกบัวหลวงดอกใหญ่ก็ชำแรกแผ่นดินขึ้นมา กลีบดอกบัว วัดได้ ๙๐ ศอก เกสร ๓๐ ศอก ฝัก ๑๒ ศอก มีละอองเกสรประมาณ ๙ หม้อ ส่วนพระบรมศาสดา ทรงมีความสูง ๕๘ ศอก ระหว่างพระพาหาสองวัดได้ ๑๘ ศอก พระนลาต ๕ ศอก พระหัตถ์และพระบาทยาว ๑๑ ศอก เมื่อพระองค์ทรงเหยียบดอกบัว ละอองเกสรที่มีประมาณ ๙ หม้อ ก็ฟุ้งขึ้น กลิ่นหอมกระจายไปทั่วทุกสารทิศ  จึงทำให้พระองค์มีพระนามเช่นนั้น  

พระอานนท์ ทำบุญใด ? จึงได้เป็นผู้เลิศด้านพหูสูตร เป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจ้า

       พระพุทธองค์ทรงมีพระเชฏฐภาดา คือน้องชายร่วมบิดา ชื่อสุมนกุมาร  แม้สุมนกุมารไม่ได้เสด็จออกผนวชตามพระเจ้าพี่  แต่ก็มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา เมื่อว่างเว้นจากพระราชกรณีกิจก็หาโอกาสไปฟังธรรมจากพระบรมศาสดาเป็นประจำมิ ได้ขาด  ทุกครั้งที่เสด็จไปเฝ้าพระเจ้าพี่นั้น 

       สุมนกุมารสังเกตเห็นว่า  พระเถระชื่อสุมนะเป็นที่โปรดปรานของพระผู้มีพระภาคเจ้ามากเป็นพิเศษ  เวลาจะเสด็จไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ก็ต้องขออนุญาตจากพระเถระรูปนี้ก่อน  เพราะท่านจะรู้เวลาอันควรหรือไม่ควร  ทำให้พระกุมารอยากได้รับตำแหน่งของภิกษุผู้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้าบ้าง จึงปรารภกับพระพุทธองค์

          พระบรมศาสดาทรงแนะนำให้สุมนกุมารเริ่มทำทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ จึงจะเป็นที่โปรดปรานของพระองค์  จากนั้นทรงรับสั่งให้พระกุมารสร้างมหาวิหารขนาดใหญ่ เพื่อรองรับภิกษุถึง ๑ แสนรูป ที่จะมาฉันภัตตาหารในพระราชวัง  เมื่อพระองค์รับสั่งเช่นนั้น  สุมนกุมารก็ซื้ออุทยานของกุฏุมพีโสภณะในราคา ๑ แสนกหาปณะ อีกทั้งทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ ๑ แสน เพื่อสร้างมหาวิหารทันที  ทรงรับสั่งให้สร้างพระคันธกุฎีสำหรับพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้สร้างกุฎีถ้ำและมณฑปเพื่อเป็นที่พักสำหรับภิกษุสงฆ์  

        เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ได้อาราธนาภิกษุสงฆ์ ๑ แสนรูป มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานมาฉันภัตตาหาร แล้วกล่าวคำน้อมถวายวิหารว่า “ข้าแต่พระมหามุนี ขอพระองค์จงทรงรับอุทยานชื่อโสภณะ ที่ข้าพระองค์ทรงสร้างเป็นมหาวิหารสำหรับภิกษุสงฆ์ด้วยเถิด”

          พระกุมารทรงถวายมหาทานตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗ ทรงถวายผ้าไตรจีวรแด่ภิกษุ ๑ แสนรูป แล้วทูลขอพรว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สร้างวิหารถวายแด่ภิกษุสงฆ์ครั้งนี้  มิได้กระทำบุญเพราะหวังสมบัติคือความเป็นท้าวสักกเทวราช ทั้งมิได้กระทำเพราะหวังพรหมโลกเลย แต่ทำเพราะปรารถนาความเป็นพุทธอุปัฏฐาก  อยากเป็นที่โปรดปรานเหมือนพระสุมนอุปัฏฐากของพระองค์ในอนาคตกาลด้วยเถิด

พระอานนท์ ทำบุญใด ? จึงได้เป็นผู้เลิศด้านพหูสูตร เป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจ้าแหล่งภาพจาก วัดพระธรรมกาย

        พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูว่า “ความคิดอันยิ่งใหญ่ของพระกุมารนี้  จักสำเร็จหรือเปล่าหนอ” ทรงทราบว่า ในกัปที่หนึ่งแสนนับแต่ภัทรกัปนี้ไป  พระโคดมพุทธเจ้าจักอุบัติขึ้น และพระกุมารนี้จักได้เป็นอุปัฏฐากของพระพุทธองค์นั้น จึงตรัสให้พรว่า “ขอให้สิ่งที่ทรงประสงค์ ทรงปรารถนาแล้วทั้งหมด จงเป็นผลสัมฤทธิ์ ขอให้พระดำริทั้งปวงจงเต็มรอบ เหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญฉะนั้น”

         พระกุมารได้ทรงสดับแล้ว ทรงพระดำริว่า “ขึ้นชื่อว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่มีพระวาจาเป็นสอง”  ตั้งแต่นั้นมาจึงตั้งใจทำความดีตลอดแสนปี เมื่อละจากอัตภาพนั้นแล้ว ท่านเวียนวนอยู่ในสุคติภูมิอย่างเดียว  ภพชาติสุดท้ายทรงถือกำเนิดเป็นพระโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ  และได้เป็นสหชาติ คือประสูติในเวลาเดียวกันกับพระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา  เมื่อท่านเสด็จออกผนวช ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นยอดเอตทัคคะในด้านพหูสูต รวมไปถึงเป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก ผู้เป็นที่โปรดปรานของพระบรมศาสดา นอกจากนี้ท่านยังได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่า ในบรรดาภิกษุผู้เป็นพุทธอุปัฏฐากในภัทรกัปนี้ ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติแล้วถึง ๓ พระองค์ พระอานนท์ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ที่สุด         

พระอานนท์ ผู้เลิศด้านอุปัฎฐาก พหูสูตร สหชาติกับพระบรมศาสดา

พระอานนท์ ทำบุญใด ? จึงได้เป็นผู้เลิศด้านพหูสูตร เป็นยอดพุทธอุปัฏฐาก เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจ้าแหล่งภาพจาก กัลยาณมิตร

       เราจะเห็นว่า การที่ท่านได้ตำแหน่งอันเลิศนี้มา อีกทั้งเป็นผู้แจ่มแจ้งในคำสอนของพระบรมศาสดา  ก็เพราะอานิสงส์ที่ได้เคยถวายมหาวิหารเป็นที่พำนักอาศัยของหมู่สงฆ์และได้ตั้งความปรารถนาเอาไว้อย่างนั้น  เพราะฉะนั้น อานิสงส์ในการสร้างวิหารไม่ใช่เรื่องพอดีพอร้าย เป็นบุญใหญ่ที่บังเกิดขึ้นได้ยาก ต้องอาศัยกำลังศรัทธา และกำลังทรัพย์ที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก แต่เมื่อเต็มใจถวายได้ บุญใหญ่ย่อมบังเกิดขึ้นอย่างไม่มีประมาณ 

       ดังนั้น เมื่อมีโอกาสได้ทำบุญสร้างวิหารแด่พระสงฆ์ ก็ให้รีบขวนขวายทำกันไปเถิด บุญนี้จะได้เกื้อหนุนเราให้ประสบความสุขความสำเร็จไปทุกภพทุกชาติ เพราะบุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของเราในปรโลก

ธรรมะยามเย็น

แชร์