นับตั้งแต่ช่วงต้นยุคครีเตเชียส หรือเมื่อกว่า 100 ล้านปีก่อน นี่คือหนึ่งในปลาเพียงไม่กี่ชนิดที่บรรพบุรุษของมันเคยเห็นไดโนเสาร์มาก่อน และมีลูกหลานเหลือรอดมาจนได้เจอกับมนุษย์ในปัจจุบัน แต่ดูเหมือนวิวัฒนาการอันยาวนานของปลาฉลามปากเป็ดสายพันธุ์อเมริกัน (American Paddlefish) จะต้องมาสะดุดลงแค่ในยุคสมัยนี้ เมื่อมันต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ไม่เคยมีในธรรมชาติมาก่อน นั่นคือเขื่อนที่มนุษย์สร้างขวางแม่น้ำนั่นเอง

       แม้จะมีอายุยืนได้กว่า 60 ปี แต่จากการสำรวจแม่น้ำมิสซิสซิปปีและแม่น้ำมิสซูรี       ซึ่งเป็นบ้านหลังสุดท้ายของปลาโบราณสายพันธุ์นี้ นักวิทยาศาสตร์กลับพบเรื่องประหลาดที่ชวนให้ใจหายอย่างมาก เพราะปลาฉลามปากเป็ดที่เขาพบนั้นมีแต่ปลาขนาดใหญ่ และหลายตัวเป็นปลาที่ได้รับการติดแท็กเพื่อระบุตัวแล้ว แต่กลับไม่มีลูกปลาเกิดใหม่ หรือปลาวัยรุ่นเลยแม้แต่ตัวเดียว

       หลังจากพยายามหาสาเหตุกันมานานหลายปี ดูเหมือนปัญหาที่ทำให้ปลาเหล่านี้ไม่มีประชากรเกิดใหม่เลย น่าจะมีสาเหตุมาจากเขื่อนขนาดใหญ่ที่กั้นขวางฝูงปลาที่มีไข่เต็มท้องกับเส้นทางที่จะไปยังแม่น้ำโอเซส ในรัฐมิสซูรี ซึ่งเป็นสถานที่วางไข่ตามธรรมชาติของมัน และเมื่อไม่สามารถไปยังพื้นที่ให้กำเนิดได้ ปลาตัวเมียจำนวนมาจึงวางไข่บริเวณหน้าเขื่อนแทน ซึ่งนอกจากจะมีกระแสน้ำซึ่งไม่เหมาะต่อการฟักตัวของลูกปลาแล้ว ที่นั่นยังมีปลาจำนวนมาที่รอกินไข่ของมันอยู่ด้วย

       นอกจากจะถูกขัดขวางไม่ให้วางไข่แล้ว ปลาฉลามปากเป็ดจำนวนมากยังถูกลักลอบจับเพื่อเอาไข่ในท้องที่สามารถนำไปแปรรูปเป็นไข่ปลาคาเวียร์ได้ และมีราคาสูงพอๆ กับไข่ของปลาสเตอร์เจียนเลยทีเดียว จึงทำให้ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ต้องจัดมันให้เป็นสัตว์ในบัญชีหมายเลข 2 ที่ห้ามไม่ให้มีการส่งออกหรือนำเข้าโดยปราศจากใบอนุญาตเด็ดขาด เพราะถึงสถานะของปลาชนิดนี้จะเป็นสัตว์ที่อยู่ในใกล้สูญพันธุ์ (Vulnerable Species) แต่ในความเป็นจริงนั้น มันได้สูญพันธุ์ไปจาก 4 รัฐของสหรัฐอเมริกาแล้ว แถมการผสมเทียมก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร