รัฐบาลยอมถอย นับ 1 ใหม่สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่
รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำผู้ชุมนุมทั้งหมดแล้ว ยุติการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล หลังพอใจผลการเจรจาที่รัฐบาลสั่งยกเลิกรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโรงไฟฟ้า ด้านแกนนำม็อบชี้กระบวนการต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ http://winne.ws/n13369
พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ยืนยัน ดูแลผู้ที่ถูกควบคุมตัวเป็นอย่างดี เพราะผู้ชุมนุมไม่ใช่ผู้ร้าย ซึ่งหลังจากผ่านพ้นไป 2 วันพบว่ามีการแทรกแซงจากกลุ่มเคลื่อนไหวอื่นๆทำให้วัตถุประสงค์ของการเรียกร้องบิดเบือนเปลี่ยนไป จึงหารือกับแกนนำ เพื่อหาทางออก พร้อมปล่อยตัวแกนนำทั้งหมด อย่างไรก็ตามหลังจากวันนี้ หากใครยังอยู่ในพื้นที่ควบคุม ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และหากพบว่ามีกลุ่มการเมืองเครลื่อนไหวก็จะดำเนินการทันที
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่าเมื่อวานได้นำข้อมูลทั้งหมดชี้แจงกับรัฐมนตรีพลังงาน และนายกรัฐมนตรีหมดแล้ว โดยรัฐบาลยืนยันว่า เข้าใจพี่น้องประชาชนทุกคน และได้เชิญเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานระดับสูงมาทำความเข้าใจ และล่าสุด สั่งการให้กระทรวงพลังงาน ไปแจ้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตให้ดำเนินการปรับปรุงร่าง eia และ ehia ใหม่ให้เกิดความชัดเจนในทุกประเด็น โดยให้นำมติของคณะผู้ชำนาญการทั้งหมด 17 ประเด็นใหญ่ 243 ประเด็นย่อย ไปพิจารณา และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อคิดเห็นของคณะกรรมการไตรภาคี
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำ ระบุว่าได้เจรจาขอให้ยกเลิกรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมฉบับเดิมออกไป เท่ากับว่าโรงไฟฟ้ากระบี่เป็นศูนย์หากการไฟฟ้าจะก่อสร้างก็ต้องนับหนึ่งใหม่กับกระบวนการ eia ซึ่งรัฐบาลจะประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอังคารที่จะถึงนี้
สั่งจับตาม็อบผสมโรงต้านไฟฟ้าถ่านหินมุ่งล้มรัฐบาล
ม็อบคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และสงขลาปักหลักค้างคืนหน้าทำเนียบฯสงบ หลังแกนนำถูกจับกุมกักตัวค่าย ตร. เรียกร้องปล่อยตัวไร้เงื่อนไข ขณะที่รัฐบาลส่ง จนท.เฝ้าใกล้ชิด หวั่นมือที่สามสร้างสถานการณ์ จับตานักเคลื่อนไหวกลุ่มอื่นผสมโรงเขย่าเสถียรภาพรัฐบาล
การชุมมุมคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และสงขลา ยังคงปักหลักที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล โดยล่าสุด 6 องค์กรภาคประชาชน ประกอบด้วย สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวแกนนำค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่โดยไม่มีเงื่อนไข
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่บริเวณข้างทำเนียบฯตั้งแต่ช่วงเช้า กลุ่มคัดค้านฯ นำโดยเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้รวมตัวบริเวณทำเนียบฯต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เพื่อแสดงพลังคัดค้านโครงการฯ หลังแกนนำหลักถูก จนท.ตร. ควบคุมตัว 5 คน ไปที่ มทบ.11 ประกอบด้วยนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล นายอัครเดช ฉากจินดา ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร นายบรรจง นะแส นายชาติชาย แกดำ (ยังคงถูกควบคุมตัว) ส่วน แนวร่วมที่ไม่ยินยอมออกจากพื้นที่สำนักงาน ก.พ. ตามที่ ตร.ขอความร่วมมือ 11 คน ถูก จนท.ตร.ควบคุมตัวไปที่กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (เบื้องต้นมี 4 ราย สมัครใจจะขอกลับภูมิลำเนา อีก 7 ราย อยู่ระหว่างพูดคุย)
ทั้งนี้ จนท.ตร.ยังคงควบคุมพื้นที่บริเวณทำเนียบฯ ตั้งแต่ถ.พิษณุโลก ห้วงแยกสะพานชมัยมรุเชษฐถึงแยกมิสกวัน โดยห้ามบุคคลและพาหนะที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่
นอกจากนี้กลุ่มมวลชนที่อยู่บริเวณทำเนียบฯ รวมตัวบนทางเท้าหน้าศาลกรมหลวงชุมพรฯ ข้างสะพานชมัยมรุเชษฐ แต่อยู่ภายนอกพื้นที่ควบคุมของ ตร. มีมวลชนค้างคืนประมาณ 80 คน โดยจนท.ตร.จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยและป้องกันบุคคลไม่หวังดีสร้างสถานการณ์
ส่วนบุคคลสำคัญที่มาพูดคุยกับมวลชน อาทิ นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชน นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นักเคลื่อนไหว และนักวิชาการอิสระ/อดีต รอง หน.ปชป. นายนิติธร ล้ำเหลือ อดีตทนายความกลุ่ม พ.ป.ป./ทปษ.เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งเป็นแนวร่วมสนับสนุนกลุ่ม กปปส. ทั้งนี้บุคคลดังกล่าวยังไม่มีท่าทีเข้ามานำการเคลื่อนไหวแทนแกนนำที่ถูกควบคุมตัว
อย่างไรก็ตามภายหลัง จนท.ตร.ควบคุมตัวฝ่ายคัดค้าน กลุ่ม NGOs ต่าง ๆ ประกาศแถลงการณ์เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวและให้ทบทวนการพิจารณาขับเคลื่อนโครงการฯ ทั้งนี้ยังไม่พบว่ากลุ่ม NGOs ดังกล่าว จะเข้ามามีบทบาทเคลื่อนไหวครั้งนี้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ปรากฏความเคลื่อนไหวบางกลุ่มที่มีลักษณะแสวงประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อฝ่ายตนเอง อาทิ ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ (ขปม.) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหว คัดค้านรัฐบาล/คสช.อย่างต่อเนื่อง มาติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และประกาศแถลงการณ์โดยมุ่งเน้นประเด็นประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน ทั้งที่ ขปม.ไม่เคยมีท่าทีสนับสนุนกลุ่มคัดค้านฯ มาก่อน รวมทั้งมีทัศนคติทางการเมืองและอุดมการณ์การเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำภาคเหนือและภาคีอนุรักษ์แม่น้ำโขงออกแถลงการณ์เช่นกัน แต่ส่วนหนึ่งแฝงความเคลื่อนไหวฝ่ายตนเองเกี่ยวกับการคัดค้านแผนพัฒนาการเดินเรือระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง
