ปิดล้อม “ธรรมกาย” ใครคือ “เหยื่อ”? ฟังเสียงชาวบ้านผู้เดือดร้อนจาก ม.44

การปิดล้อมธรรมกาย จะกระทบถึงชาวบ้านขนาดนั้นเชียวหรือ?....ทนสงสัยไม่ไหว เลยไปสอบถามชาวบ้านข้างรั้ววัดดู http://winne.ws/n13605

732 ผู้เข้าชม

          เห็นข่าวสถานการณ์วัดพระธรรมกายแล้วก็รู้สึกบอกไม่ถูก จะว่าลุ้นก็ไม่ใช่ จะว่าหนักใจก็ไม่เชิง ดูไม่ออกเลยว่าจะจบลงอย่างไร ท่านนายกฯ ท่าน รมต. ก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จะทำจนถึงที่สุด เป็นเดือนๆ ก็ไม่ยกเลิก ม.44

               ที่น่าหดหู่สุด เห็นจะเป็นข่าว ลุงปีนเสาสัญญาณขึ้นไปผูกคอตาย

               เขาว่ากันว่า ลุงไม่ใช่คนธรรมกาย แต่เป็นชาวบ้านแถบนั้น ที่เครียดจัด จากการโดนผลพวง ถูกปิดเส้นทางจนไปทำมาหากินไม่ได้

               การปิดล้อมธรรมกาย จะกระทบถึงชาวบ้านขนาดนั้นเชียวหรือ?....ทนสงสัยไม่ไหว เลยไปสอบถามชาวบ้านข้างรั้ววัดดู

ปิดล้อม “ธรรมกาย” ใครคือ “เหยื่อ”? ฟังเสียงชาวบ้านผู้เดือดร้อนจาก ม.44

          คนแรก เป็นคุณแม่ลูกสอง กับหลานอีกหนึ่ง อยู่ชั้นอนุบาลทั้ง 3 คน คุณแม่เล่าด้วยความอัดอั้น ที่เด็กๆ ทั้งสาม ไม่ได้ไปโรงเรียนมาเป็นสัปดาห์ แถมสัปดาห์หน้าก็จะสอบปลายภาคแล้ว คุณครูโทรมาถามทุกวัน คุณแม่พยายามเรียกร้องขอให้เด็กออกไปเรียน เจ้าหน้าที่ก็ให้ไปได้ แต่ให้เดินไป ไม่ให้มอเตอร์ไซค์ผ่าน คุณแม่น้ำตาคลอ บอกว่า 

"เราเป็นแม่บ้านที่ดูแลเด็กเล็กตั้ง 3 คน จะให้เราจูงเด็กเดินกันไปเป็นกิโลๆ เพื่อไปส่ง 2 โรงเรียน มันเป็นไปได้หรอ คุณแม่ไม่ไหวหรอกค่ะ"

ปิดล้อม “ธรรมกาย” ใครคือ “เหยื่อ”? ฟังเสียงชาวบ้านผู้เดือดร้อนจาก ม.44

          อีกคนเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่งข้างวัด เล่าว่า "เขาให้ออกได้ แต่เข้าไม่ได้ ไม่ให้เอาวัตถุดิบเข้ามา เราก็ขายไม่ได้ ทั้งที่เป็นโอกาสที่เราจะขายให้ใครก็ได้ ไม่เลือกว่าฝั่งวัดหรือฝั่งไหน แล้วเรายังมีภาระต้องดูแลลูกที่ยังเรียนอยู่ถึง 3 คน แค่ค่ากินอย่างเดียวคนละ 50 บาทต่อมื้อ อยู่กัน 4 คนก็วันละ 600 บาทแล้ว ปกติเราเปิดร้านได้ กินของในร้านก็แค่ไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ร้านก็เปิดไม่ได้ ต้องส่งลูกออกไปอยู่ข้างนอก หาเช้ากินค่ำก็ลำบากแล้ว แต่ตอนนี้มีแต่จ่ายอย่างเดียว ติดลบอย่างเดียวไม่มีรายได้ มันบีบคั้นไปทุกอย่าง แล้วยังจะมีค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าเล่าเรียนลูกอีก มันรุมเร้ามาทุกทาง บางคนหาทางออกไม่ได้ก็ฆ่าตัวตาย กอดคอกันตาย แต่เรายังไม่อยากตาย"

ปิดล้อม “ธรรมกาย” ใครคือ “เหยื่อ”? ฟังเสียงชาวบ้านผู้เดือดร้อนจาก ม.44

          พี่เจ้าของร้านขายชุดขาวก็เล่าว่า "พี่ซื้อบ้านซื้อร้านอยู่ข้างวัด เพราะพี่ขายผ้าขาวดำ นี่เป็นแหล่งที่คนวัดธรรมกายเยอะ และคนวัดอื่นก็มาซื้อเยอะ พอมาเจอ ม. 44 หน้าร้านก็ขายไม่ได้ ได้แต่ทำตามออร์เดอร์ที่ค้างอยู่ ทำจนผ้าหมดก็เอาผ้าเข้ามาไม่ได้ พี่ต้องทำงานด้วย เลี้ยงลูกที่ยังเรียนอยู่ทั้ง 2 คนด้วย  ปกติจะเลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์ ลูกคนโตพักที่หอข้างมหาวิทยาลัย จะโอนเงินค่าข้าวให้ลูกทุกเช้าผ่านมือถือ เป็นแม่ลูกที่โทรหากันตลอด "อยู่ไหน" "กินข้าวแล้วยัง" ฯลฯ แต่เมื่อตัดสัญญาณโทรศัพท์ เรารับไม่ได้ มันสาหัสเกินไปสำหรับเราและลูก สงสารลูก สงสารตัวเอง แค่หาเงินก็ลำบากมากอยู่แล้ว ยังโดนคุมแบบนี้อีก สิทธิของชาวบ้านอย่างเรา มันมีแค่นี้เองหรอ"

              ส่วนแม่ค้าขายของจิปาถะเล่าให้เราฟังว่า "การทำแบบนี้ ไม่มีประโยชน์เลย คนวัดเขาศรัทธาแรง เขาก็ยังยิ้มๆ อยู่ ยังสบายๆ ใสๆ เขาบอกว่าเป็นเดือนๆ เป็นปีๆ ก็อยู่ได้ แต่เราน่ะสิเดือดร้อน สั่งสินค้าเข้ามาขายไม่ได้ ไม่มีรายได้ มีแต่ค่าใช้จ่ายเต็มไปหมด ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้าน เดือดร้อนไปหมด บางคนก็ต้องไปอาศัยข้าววัดกิน เพื่อนพี่มีแม่อายุ 80 อยู่ในนี้ หลาน 5 ขวบก็อยู่ในนี้ แต่ตัวเองเข้ามาไม่ได้ แล้วจะอยู่กันอย่างไร"

            ฟังเสียงชาวบ้านแล้ว รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ แอบน้ำตาซึม

            พวกเขา... ผู้ไม่เกี่ยวอะไรด้วย เพียงแค่มีบ้านอยู่แถบวัด

            สมควรจะต้องได้รับผลจากเหตุการณ์นี้..ขนาดนี้เชียวหรอ!!!

แชร์