วันที่ 2 มีนาคม 2560 “พระเทพปฏิภาณวาที” หรือเจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศนเทพวราราม กล่าวถึงประเด็นโลกออนไลน์ ว่า สื่อมวลชนและผู้ที่อยู่ในโซเชี่ยวเน็ตเวิร์กมักพิพากษาเรื่องราวต่างๆ อย่างร้อนแรง ทั้งที่คดีความยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน จึงอยากเตือนให้ใช้หลักพรหมวิหารธรรม รู้จักมองใจเขาใจเรา

“ท่ามกลางสังคมโลกที่ดำเนินชีวิตบนสังเวียนโซเชียล เกือบทุกคนเป็นทั้งผู้รับข่าว ผู้สื่อข่าว ผู้พิพากษาไม่มีตราตั้ง ไม่มีบัลลังก์นั่งพิจารณาคดี แต่มีคอมพ์ มีมือถือ เฟซบุ๊ก มีสื่อออนไลน์ในมือ เมื่อเกิดเรื่องหรือคดีอะไรขึ้นมาก็เร่งร้อนแสดงทรรศนะ สื่อถึงกัน พิพากษา โดยขาดข้อมูล จนทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยาก แม้เจ้าหน้าที่ก็ถูกบริภาษในเวลาทำคดีความต่างๆ คดียังไม่เข้าสู่ระบบศาล แต่ผู้ที่ถูกกล่าวหาบางคดีถูกตัดสินด้วยสื่อโซเชียล การใช้ภาษาก็หยาบคายมาก ซึ่งนับวันมีแต่จะก้าวร้าว รุนแรง เพราะไม่มีใครรู้จักตัวตนบ้าง รู้จักก็ทำอะไรไม่ได้ สังคมไทยก็สู่กลียุค คือ สังคมกามารมณ์ สังคมบริโภค สังคมโฮกฮาก จึงใคร่ขอฝากข้อเตือนใจเป็นสติต่อสังคม” เจ้าคุณพิพิธกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าคุณพิพิธยังแต่งบทกลอนเตือนใจ ดังนี้

" คดีความทุกวันนี้มีปัญหา                    ผู้พิพากษามากล้นบนมือถือ

พอเกิดเรื่องปุ๊บปั๊บจับกระพือ               รวมทั้งสื่อก็วิจารณ์กันพล่านไป

เจ้าหน้าที่เพิ่งเริ่มงานด้านสืบสวน      ต้องเซซวนสื่อผสมถล่มไล่

สื่อทีวีโหมกระพือระบือไกล                  สื่อออนไลน์ถล่มด้วยช่วยกันยำ

คดีความตามกฎหมายยังไม่สิ้น            ถูกตัดสินด้วยสื่อสารประหารซ้ำ

ต้องหลบหน้าสังคมก้มรับกรรม            ทุกสื่อย้ำหยำขยี้หมดที่ยืน

ในยุคสื่อกัดเจ็บเหมือนเห็บเหา           ใครโดนเข้าน้ำตานองต้องสะอื้น

บ้างก็หาทางออกกระบอกปืน               อยู่ก็ฝืนอับอายไปทุกวัน

คนลำเค็ญเห็นใจเขาไหมหนา             สมมุติว่าเป็นเราเอาไงนั่น

ถ้าวันหนึ่งเวรกรรมตามมาทัน               ถึงวันนั้นจะรู้ว่าไม่น่าทำ

จึงขอร้องปวงชนคนทั้งหลาย              ผู้เสียหายเราอย่าเหิมไปเติมซ้ำ

จงวางใจในพรหมวิหารธรรม                เพื่อคูณค้ำบ้านเมืองไทยให้ร่มเย็น"