นาลันทา...นาลันไทย

ลองถามตัวเองดูสิ ว่าเรารู้เรื่องธรรมกายเพราะเราศึกษาเรื่องของเขามาจริง ๆ หรือเราฟังมาจากคนอื่นอีกที แล้วต้นตอของข้อมูลด้านลบเหล่านี้ ถ้าไล่ไปดี ๆ จะพบว่าไปจบลงที่ตัวละครหน้าเดิม ๆ ไม่กี่คน http://winne.ws/n13834

1.8 พัน ผู้เข้าชม
นาลันทา...นาลันไทย

 อยากขอบคุณธรรมกาย

 ที่ทำให้ผมได้ค้นพบโลกใหม่ในพระพุทธศาสนาเมืองไทย ที่ไม่ค่อยสนใจมาก่อนเลย

 ตั้งแต่เล็กจนโต ผมเห็นวัดทุกวัดคล้าย ๆ กัน คือ ทำอะไรก็แบบเดียวกัน ต่างกันแค่จุด

ขายนิดหน่อยเช่น 

วัดไหนมีเกจิดัง ก็หนักไปทางของขลังซะเยอะ ตะกรุด พระเครื่อง ผ้ายันต์ น้ำมนต์ ว่ากันไป พอเกจิมรณภาพไป คนก็จะหายตามไปหมด   

วัดไหนเน้นดวงชะตา ทำพิธีสะเดาะเคราะห์  พวกคนใจเสาะที่คิดว่าตัวเองเฮงซวยกว่าใคร ก็จะไหลมารวมกัน

วัดไหนให้หวยแม่นยำ คอหวยก็เมามันกับการตีเลขเด็ดกันไป

วัดไหนมีโบสถ์ วิหาร งดงามวิจิตรบรรจง มีทัวร์มาลง ก็กลายเป็นวัดท่องเที่ยว

 บางวัดจุดยืนไม่ชัด มีมันทุกความเชื่อ  ทั้งพระพุทธรูปฝั่งเถรวาท มหายาน มีกระทั่งทรานสฟอร์เมอร์ ทั้งช้างพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม บางทีมีตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ผีสาง รำแก้บน คือจะเชื่ออะไรก็ช่าง วัดเดียวเอาอยู่หมด

 วัดที่สอนกรรมฐาน หรือสายพระป่า ท่านไม่ค่อยยุ่งกับใคร อยู่กันเงียบ ๆ น่าเลื่อมใส แต่ต้องคนสนใจจริง ๆ จึงจะไปกัน ด้านประโยชน์ตนได้ แต่ประโยชน์โยมน้อยเกินไปหน่อย


โดยสรุปคือแต่ละวัดก็ต่างคนต่างอยู่กันไป ส่วนใหญ่หนักไปทางพิธีกรรม โยมไป

ทำบุญกันตามประเพณีจะหวังให้ศาสนาพุทธเจริญไปกว่านี้ ดูจะไม่มีทาง

 โตมาก็เห็นแต่แบบนี้ ศาสนาพุทธจึงเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ล้าสมัย ดูขรึมขลัง แต่ไม่น่า

สนใจ พระเยอะ วัดเยอะ แต่กับอีแค่จะฝึกให้คนไทยมีศีล 5 ยังทำไม่ได้เลย

 โลกของศาสนากับโลกความจริงจึงเหมือนต่างคนต่างอยู่  สอนให้ปล่อยวาง แต่ความ

จริงคนยังโลภอยากได้  ขออภัย ทำยากจริงๆเลย ยิ่งเวลาเห็นพวกดารา นักร้อง นักแต่ง

เพลง อาจารย์ หรือคนที่ว่าตัวเป็นพุทธแท้ มาพร่ำบอกว่าพุทธศาสนาสอนให้ปล่อยวาง 

ผมยังว่างั้นพวกมึงก็เป็นพุทธเทียมน่ะสิ เพราะทุกวันนี้ยังกอบโกยหาเงินหาทองใช้ ไม่

เห็นปล่อยวางห่าเหวอะไรสักคน


นาลันทา...นาลันไทย

จนมีเรื่องธรรมกายที่บานปลายมาถึงวันนี้ ผมเริ่มเอะใจ

สงสัยตอนรัฐบาลบ้าจี้ เอา ม. 44 

มาใช้กับวัด กับพระ ว่าทำไปทำไม?????

 พอค้นคว้าหาอ่านเรื่องธรรมกายจริงจัง ผมตะลึงงันเลยนะ เพราะหลายเรื่องมันโคตรจะดี แต่คนในประเทศนี้ไม่ค่อยรู้กัน  เอาไว้เล่าให้ฟังทีหลังละกันนะ  ปกติได้ยินแต่เสียงด่าธรรมกาย สอนผิด บิดเบือน ว่ากันไป แต่พอมองลึกลงไป ผมกลับเห็นพระไม่กี่รูป คนไม่กี่คน พูดด่าธรรมกายออกสื่อ ออกหนังสือ จัดอีเว้นท์สัมมนาบ่อย ๆ คอยสะกดจิตคนไทย

 

ลองถามตัวเองดูสิ ว่าเรารู้เรื่องธรรมกายเพราะเราศึกษาเรื่องของเขามาจริง ๆ หรือเราฟังมาจากคนอื่นอีกที แล้วต้นตอของข้อมูลด้านลบเหล่านี้ ถ้าไล่ไปดี ๆ จะพบว่าไปจบลงที่ตัวละครหน้าเดิม ๆ ไม่กี่คน


พระไทยอีกหลายพันรูปที่มีความรู้เหมือนกัน อาจารย์ทางพุทธศาสนาราชบัณฑิต  บางท่านที่เห็นด้วยกับธรรมกาย แต่ไม่ค่อยได้ออกสื่อ เสียงเลยไม่ดัง หรือพอจะดังก็จะมีคนมาตีให้ดับ เสียงด่าดังอย่างกับระเบิด เสียงชมก็ชมไปเถิด เบาอย่างกับเสียงตด


 หลังจากค้นและอ่านเรื่องธรรมกายมากมายเชื่อไหม ผมว่า

ธรรมกาย บางทีอาจเป็นลมหายใจของพุทธศาสนาในเมือง

ไทยก็ได้นะ  ไม่เชื่อก็อย่าเพิ่งลบหลู่ ขอให้ติดตามดูกันต่อไป

 

คนที่เกลียดธรรมกาย แล้วกำลังจะด่า กรุณาหยุดไว้!!!!

ยิ่งประติดประต่อข้อมูลยิ่งค่อย ๆ หายสงสัย เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม ธรรมกายถึงโดน

มรสุมรุมยำทำร้ายขนาดนี้

 สำหรับรัฐบาล น่าจะกลัวธรรมกายเป็นฐานการเมืองฝ่ายตรงข้าม ก็เรื่องอำนาจนั่น

แหละ จึงต้องเล่นงานซะก่อน แต่ไม่รู้จะทำยังไง จึงหาทางจน DSI ยัดคดีเจ้าอาวาสได้

สำเร็จ ซึ่งถ้าติดตามที่มา มีข้อน่าสงสัยเพียบเลย ที่ไม่ว่าDSI หรือรัฐบาลก็ตอบไม่ได้

หรอก เช่น วัดก็เหมือนองค์กร NGO อยู่ได้ด้วยเงินบริจาค ใครให้ก็รับไว้หมดแหละ ไม่รู้

หรอกว่าเงินใคร ใช่โจรหรือไม่โจร

 ทีนี้ธรรมกายได้รับบริจาคจากนายศุภชัยประมาณ 8 % (ธรรมกายคืนเงินกลับให้หมดด้วยนะ) อีก 92 % หมื่นกว่าล้านบาท ไปบริจาคให้บุคคลและองค์กรอื่น เช่นกาชาดไทย แต่ทำไมไม่ไปตามเงินก้อนใหญ่คืนให้สหกรณ์ มาติดใจเอาเป็นเอาตายอะไรกับเงิน 8 % ก็ไม่รู้

 เงิน 3,800 ล้านที่อยู่กับ DSI ก็ไม่คืนสหกรณ์เขาไปซะที จะเก็บไว้ให้ปลวกขึ้นหรือไง

ครับพี่ บอกหน่อย

 จากนั้นใช้กลไกทางกฎหมาย โดยมี DSI เป็นหัวหอก แต่ทำ

อะไรไม่ได้สักที ช่วงนี้ DSI เผยพิรุธบานตะไท เช่น เข้าไป

แจ้งข้อหาได้ แต่ไม่ไป และใครเข้ามาช่วยธรรมกาย จะโดน

เล่นงานทุกคน

นาลันทา...นาลันไทย

เมื่อบีบแล้วไม่ได้ผล ก็เลยไม่พ้น ม.44 แต่ถามว่ารัฐบาลกล้าบุกวัดไหม ผมว่าไม่กล้า เพราะถ้าบุกมารับรองมีบาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลคงแบกรับไม่ไหว นานาชาติเป็นศึกนอก กับพวกไม่ชอบรัฐบาลเป็นศึกใน คงสหบาทารัฐบาลจมดินตายคาตีน

 

อาณาจักรหมดปัญญา จึงต้องโยนเรื่องมาให้พุทธจักร เรียกว่ายืมมือ "พระฆ่าพระ" ก็น่าจะได้ รัฐลอยตัวไป กูไม่เกี่ยวอะไรแล้วโว้ย


 แต่ก่อนไป รัฐกรุยทางเรื่องถอดสมณศักดิ์ให้ จากนั้นจึงปล่อยพวกหน้าหนาสันดานเดิม ออกมาดีดสีตีเป่ารับลูกกันต่อไป

 คนแรกคงเดาได้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ออกมาชี้นำให้ใช้ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่21 (พ.ศ. 2538) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า มส.21มาใช้สึกพระธัมมชโย

 จากนั้นมาเฟียพระ พุทธะอิสระก็โผล่ออกมา ร้องนายกให้ถอดสมณศักดิ์พระผู้ปกครองวัดธรรมกาย ไล่ตั้งแต่ระดับเจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค หน สูงสุดคือ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ซึ่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมโดยสมณศักดิ์ โทษฐานปล่อยปละละเลยเรื่องธรรมกาย ทำให้สังฆมณฑลไม่งดงาม

 ผมว่าจัดการไอ้อันธพาลบ้านี่ก่อนดีกว่า เพราะความชั่วช้า

ปรากฏชัดเจน เป็นพระประเภทไหน ถึงต้องมีทหารตำรวจ

ล้อมหน้าล้อมหลัง คอยตามอารักขา ด้วยเหตุว่าศัตรูมารอ

สหบาทาเยอะเหลือเกิน

 คำพูดจ้วงจาบพระผู้มีพรรษากาลมากกว่า ภาษาทางโลกเขาเรียกว่า"ลามปาม"ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เมื่อวานจอมขวัญเชิญไพบูลย์มันมาออกรายการ ถามเรื่องเสนอให้ใช้ มส.21จัดการสึกพระธัมมชโย

 

ผมฟังไปก็พึมพำไปว่า "ไอ้กะล่อน" มึงนี่"รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย" คือมันเป็นนักกฎหมาย ก็พร่ำพูดไปแต่ทางนั้น  คนไม่รู้เผลอฟัง ก็อาจหลงเคลิ้มตามมันไป เช่นบอกว่า "ทุกเรื่องที่ผิดกฎหมายจะผิดธรรมวินัยด้วย" นี่คือมั่ว อย่างพระข้ามถนนในที่ห้ามข้าม อาจผิดกฎหมาย ถูกปรับได้ แต่ไม่เห็นจะผิดธรรมวินัยอะไรเลย

 

หรืออย่าง "เมื่อมีเหตุให้ถอดสมณศักดิ์ ก็ต้องมีเหตุให้พ้นจากสมณเพศด้วย" อันนี้เข้ารกเข้าพงกันเลยทีเดียว สมณศักดิ์สมัยพุทธกาลไม่มี ดังนั้นจึงไม่มีทางมาเกี่ยวกับการดำรงสมณเพศได้เลย คนละเรื่องกัน

 

และที่พลาดอย่างมาก คือไพบูลย์จะเน้นและอ้างกฎหมาย 2 ฉบับ คือกฏมหาเถรสมาคม พรบ.สงฆ์ กับกฎหมายบ้านเมือง โดยอ้อมแอ้มเรื่อง "พระธรรมวินัย" ซึ่งเชื่อผมเถอะ ว่า   มันไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่หรอก

 แต่ธรรมวินัยสำคัญ ไพบูลย์มันเหมือนจับงูที่หลังกับที่หาง ไม่ระวังหัว งูจะแว้งมาฉกกบาลตัวอยู่แล้วยังไม่รู้สึก  พอเกาไม่ถูกที่คัน เรื่องที่พูดในรายการจอมขวัญเลยเหมือนพร่ำแต่กิ่งไม้ใบไม้ ไม่ถูกแก่นไม้สักที

นาลันทา...นาลันไทย

มาทางนี้...ผมจะชี้ให้ดู แป๊บเดียวก็เข้าใจ

 กฎที่ใช้กับพระไม่เหมือนที่ใช้กับประชาชนคนขี้เหม็นทั่วไปคือมีกฎ 3 อย่าง เรียงลำดับตามความสำคัญดังนี้


 1. พระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าให้เป็นศาสดาแทนตัวพระองค์

 2. กฎมหาเถรสมาคม หรือ มส.21 ที่อ้างถึงในขณะนี้ 

 3. กฎหมาย ว่ากันไปตามประเทศนั้น ๆ

 

ถ้าพูดให้ฟังง่าย คือ 1. พระธรรมวินัย เป็นกฎของพุทธจักร เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ส่วน 3. กฎหมาย เป็นกฎของอาณาจักร ปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม

 กฎ 1 กับ 3 บางอย่างเข้ากันได้ บางอย่างเข้ากันไม่ได้ เช่น กฎพระ พระฉันข้าวหลังเที่ยงไม่ได้ แต่กฎหมายจะ 5 มื้อ 6 มื้อ ก็ตามสบาย ไม่ผิดกติกา

 ดังนั้น จึงต้องหันมาประนีประนอมกันทั้งสองฝ่าย

 กฎ 2. คือ มส.จึงเกิดมาเพื่อการนั้น เพราะพระอยู่ประเทศไหน ก็ต้องเอื้อเฟื้อกฎหมายในประเทศนั้น อย่างถ้าพุทธศาสนาไปอยู่อเมริกา กฎ มส.อาจไม่เป็นอย่างในเมืองไทย

 แต่ถ้าถามว่า ถ้าให้พระตัดสินคดีพระ ท่านจะเอียงไปทางกฎไหน คำตอบคือ ท่านจะใช้

กฎ 1. คือธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง

 เพราะอะไร ?

 เพราะพระบวชมา จะเป็นพระ ไม่เป็นพระ ขึ้นกับธรรมวินัย ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย 2,500 กว่าปี

 แต่กฎ 2. กับกฎ 3. มันไม่คงที่ เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่เชื่อไปดูกฎ มส.กับกฎหมายก่อน ๆ สิว่า เปลี่ยนแปลงมามากน้อยขนาดไหน หรืออย่างรัฐบาลนี้ไป รัฐบาลหน้าอาจเปลี่ยนกฎหมายใหม่ กฎ มส.ก็อาจต้องปรับเปลี่ยนตาม

 กรณีตัวอย่างการสึกพระ โดยธรรมวินัย 

พระจะพ้นจากความเป็นพระได้มี2 กรณีคือ 

1. ทำความผิดร้ายแรงที่เรียกว่าปาราชิก กับ

 2. กล่าวคำลาสิกขาด้วยความเต็มใจของตัวเอง

นาลันทา...นาลันไทย

1. ปาราชิก มีข้อพิจารณามากมาย พระสมัยโบราณไม่มีใครกล้าฟันธงง่าย ๆ หรอก 

เพราะถ้าวินิจฉัยผิดจะบาปหนัก เว้นแต่พระที่ทำจะสารภาพ หรือจับได้คาหนังคาเขา 

การตัดสินสมัยพุทธกาลจึงต้องไปถามพระพุทธเจ้าให้ทรงวินิจฉัย เรื่องพระธัมมชโย 

พระผู้ใหญ่ท่านแม่นธรรมวินัย 10 กว่าปีที่แล้วที่มีคนฟ้องร้องไป ท่านจึงตัดสินว่าไม่ผิด 

แต่เพราะคนขี้เหม็นบางคนมันจะเอาแต่ความรู้สึก ก็ไม่ถูกใจ ที่จริงไม่ใช่อะไร คือมึงโง่ 

ที่ไม่รู้เรื่องกฎพระ

 

2. กล่าวคำลาสิกขา กรณีนี้ ถ้าผิดกฎหมาย จะต้องจับท่านขัง กฎหมายบอกว่าขังพระ

ไม่ได้ ต้องให้สึกก่อน  ก็ต้องเชิญพระมาสึกให้ นี่คือทำตามกฎ มส.แต่ถ้าพระท่านไม่ได้

ผิดจริง ท่านไม่กล่าวคำลาสิกขา อย่างกรณีพระพิมลธรรม ต่อให้ตำรวจหรือพระหน้า

ไหนมาถอดผ้าท่านออก ท่านก็ยังเป็นพระอยู่ร่ำไป เพราะตามธรรมวินัย ท่านยังมีความ

เป็นพระสมบูรณ์ การจะสึกพระ ให้ยกทั้ง มส.และพระทั้งแผ่นดินมาบังคับ ก็ทำให้ท่าน

พ้นสมณเพศไม่ได้

 

พระพุทธเจ้ายังไม่เคยจับพระลาสิกขา พวกคุณเป็นใครถึงกล้าจะทำ ดังนั้นแม้กฎ 

มส.จะอนุญาตให้บังคับสึกพระได้ แต่กฎนี้ว่าไปผิดธรรมวินัยนะครับ รู้ไว้ด้วย 

พระพุทธเจ้าสั่งว่า อย่าบัญญัติกฎอะไรตามใจ นอกเหนือจากที่ท่านบัญญัติไว้ดีแล้ว

 

กฎ มส.จึงมีไว้เพื่อเอื้อเฟื้อต่อกฎหมายบ้านเมือง แต่พระที่รู้เรื่อง ท่านจะเอียงหาธรรม

วินัย

 อย่างพระยันตระที่ไพบูลย์ยกมา สำหรับประเทศไทย ท่านไม่ใช่พระ แต่สมมุติท่านไม่

ได้ปาราชิกจริง และไม่กล่าวคำลาสิกขา ท่านก็ยังเป็นพระอยู่ ตอนนี้ไปอยู่อเมริกา 

กฎหมายที่นั่นให้เสรีภาพทางความเชื่อเสมอกัน ตัดสินว่าท่านไม่ผิด ท่านก็เป็นพระที่

นั่นได้เหมือนเดิมนะ

 ทีนี้กรณีพระธัมมชโยจะว่ายังไง

 ก็ง่าย ๆ ถ้าเคารพว่า มส.เป็นใหญ่ มส.ยืนยันว่าไม่ผิด (ตามธรรมวินัย) ท่านก็ยังเป็นพระ

เหมือนเดิม ส่วนทางกฎหมายบ้านเมืองก็ว่ากันไป อย่าเอามาปนกัน

 สรุปว่า โดยสงฆ์น่ะ ท่านตัดสินกันง่าย แต่รัฐบาลกับพวกแก๊งส์อันธพาลไม่ถูกใจไง ถึง

จะบังคับให้พระไปฆ่าพระ ซึ่งท่านไม่ทำ

นาลันทา...นาลันไทย

อย่างที่ไพบูลย์ยกมา เรื่องนิคหกรรม อวดอุตริมนุสสธรรม ขัดพระลิขิต เป็นเรื่องเก่าทั้ง

นั้น เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา พระพรหมโมลีและคณะตัดสินว่าไม่ผิด คดีนี้รื้อฟื้นไม่ได้ แต่

มีการบีบให้ถอดท่านออกจากกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งท่านไม่สนใจ ถอดก็ถอดไป 

แต่จะให้แก้คำตัดสิน ท่านไม่ทำให้หรอก

 ส่วนข้อกล่าวหาอื่น ๆ เช่น ละเมิดธรรมวินัย นี่ก็กล่าวหาครอบจักรวาลไปหมด จำไว้บูลย์

เอ๊ย สำหรับพระ ถ้าไม่ปาราชิก พระพุทธเจ้าท่านให้แก้ไขได้หมดแหละ ไม่ต้องสึก

 นี่คือวิถีพระ ที่คนพุทธสมัยใหม่ไม่ได้รู้เรื่องเลย

 เรื่องพระธัมมชโยก็เหมือนกัน เรื่องหลักมันเป็นเรื่องกฎหมาย จะโยนมาให้พระฆ่าพระ

กันทำไมไม่รู้ ผิดถูกก็ยังไม่ได้ตัดสินอะไร แม้รู้ผลแล้ว ยังต้องมาดูทางธรรมวินัยอีก ซึ่ง

อาจแย้งกับกฎหมายก็ได้ เช่นกฎหมายว่าผิด แต่ท่านบอกท่านไม่รู้ ขาดเจตนา พระ

ที่ไหนก็ไม่กล้าจับท่านลาสิกขาหรอก จะบอกให้

 คราวนี้ก็ถึงเวลาวัดใจ ว่า มส.จะบ้าจี้เพราะกลัวรัฐบาลจนลืมธรรมวินัยหรือไม่ หรือจะมัว

ห่วงตำแหน่งแห่งที่ โดยไม่รู้ว่ากำลังจะถูกตีตลบหลัง

 ถ้าทำตามรัฐบาล คนไทยจะได้เห็นเหตุการณ์เหมือนวันที่นาลันทาถูกทำลาย ต่างแค่มา

เกิดที่เมืองไทย โดยพระสงฆ์ไทยทำกันเอง

 เพราะถ้าทำแล้วสิ่งที่จะเกิดตามมา คือคณะสงฆ์นั่นแหละจะเหลือลมหายใจอันรวยริน 

แค่ตายช้ากว่าธรรมกายหน่อย แต่รับรองท่านก็ไม่รอดหรอก

 

คณะสงฆ์ทุกระดับจึงต้องยืนหยัด อย่าเอาแต่กลัว มารวมตัว

เกาะกันให้แน่น อย่างน้อยต้องเรียกร้องและร่วมกันผลักดัน

อย่างจริงจัง กฎหมายที่ทำลายพระธรรมวินัย ยอมให้เกิด

ขึ้นไม่ได้ครับ


แค่ต้องคดียังไม่ได้ตัดสินอะไร แต่ให้สึกก่อน ถ้าไม่ผิดค่อยบวชใหม่ พระเสียเปรียบเกิน

จะรับไหวครับ มันก็เหมือนฆ่าก่อน ถ้าไม่ผิดค่อยไปเกิดใหม่ อย่างนี้ไม่ใช่แล้วมัง

 ที่ถูก พระทุกรูปที่ต้องคดี ต้องให้ท่านสู้ในเพศพระ กฎ มส.ต้องปรับใหม่ อย่าเอื้อแต่

กฎหมายเกินไป ต้องให้เอื้อธรรมวินัยด้วยจึงจะดี

 

ถ้าผมเป็น มส.นะ ผมจะโยนเผือกร้อนกลับไปที่รัฐบาล เพราะมันไม่ใช่งานของพระที่จะ

มาจับใครสึก ต้องคดีทางโลก ตำรวจก็หาทางจับกุมไป จะบังคับ มส.ให้บังคับพระมา

มอบตัว มันใช่หน้าที่ท่านไหมเล่าโยม

 กฎ มส.21ต้องเอื้อเฟื้อก็จริง แต่อย่าไปอิงจนไม่สนพระธรรมวินัย ตัดสินผิดพลาดไป 

เป็นพระก็ตกนรกได้นะครับ

 รัฐบาลที่กำลังจะให้พระฆ่าพระ กรุณาไปคิดดูใหม่อีกที

 

ขอเถอะ

 ชาตินี้ ผมไม่อยากเห็นนาลันทาที่เมืองไทย!!!!!

 

Cr.คมความคิด

8 มีนาคม 2560

แชร์