ยิ่งกว่าอภินิหารของการกล่าวหารองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเล่นหุ้น

เพียงเดือนเดียว เท่านั้นทีมไล่ล่าวัดพระธรรมกายใช้ม.44 บุกวัด ปลดเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ด้วยข้อหามากมายที่แทบหาหลักฐานอะไรไม่ได้ ข้อกล่าวหาที่วัดเจอยิ่งกว่าอภนิหารหรือเพราะปาฏิหาริย์จากการสันนิษฐานพระทัตตชีโวจึงได้ข้อหาเล่นหุ้น http://winne.ws/n14086

1.8 พัน ผู้เข้าชม
ยิ่งกว่าอภินิหารของการกล่าวหารองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเล่นหุ้น

เกี่ยวกับคดีที่โด่งดังขึ้นมาว่าหลวงพ่อทัตตชีโว นำเงินไปเล่นหุ้น แม้แต่นักการตลาด นักข่าวอาวุโสที่เชี่ยวชาญเรื่องการค้าต่างออกมาตำหนิผู้กล่าวหา ว่าขาดความรู้ในเรื่องตลาดหุ้นและการเงิน และผล

แต่พอมีการตรวจสอบความจริงก็พบว่า 

1. หุ้นตัวที่เทขายไม่ใช่หุ้นของ LH และ DTAC ซึ่งถูกโยงใยว่าเป็นหุ้นของวัดพระธรรมกาย นั่นก็แปลว่า การผันผวนของราคาหุ้นนั้นไม่ได้เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายเลย 

2. เมื่อตรวจสอบผู้ถือหุ้น LH และ DTAC แล้ว ก็พบว่าวัดพระธรรมกายไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของ LH กับ DTAC แม้แต่บาทเดียว 

3. ไม่มีเงินของวัดพระธรรมกายเข้ามาในตลาดหุ้น  โดยตลาดหลักทรัพย์ให้สัมภาษณ์ว่า มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ที่นำมาเล่นหุ้นทุกคนอยู่แล้ว และไม่รับเปิดบัญชีให้แก่พระสงฆ์ ซึ่งก็แปลว่าการขึ้นลงของหุ้นแต่ละตัวนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย 

หลังจากตรวจสอบความจริงแล้ว มีการวิเคราะห์ต่อไปว่า การกล่าวหาวัดพระธรรมกายเล่นหุ้นนั้น เป็นเพียงการใส่ร้ายเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการชักจูงสังคมให้เห็นด้วยกับปฏิบัติการทำลายล้างวัดพระธรรมกายมากกว่า โดยการโยงใยเข้ามาสู่ตลาดหุ้น มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อกล่าวหาดูน่าเชื่อถือ และเกิดความชอบธรรมที่จะตั้งข้อสงสัยเรื่องการฟอกเงิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกับปฏิบัติการล่าพ่อมดแม่มดในยุคโบราณ ซึ่งเป็นคำกล่าวถือว่าแรง ชาวตะวันตกเขาถือว่าเป็นการใส่ร้ายที่ไร้หลักฐานไร้อารยธรรมและไร้เหตุผล ซึ่งเรืองนี้น่าจะจบแต่ก็มีคนที่ไม่ยอมให้จบทั้งที่หลักฐานชัดเจน

ยิ่งกว่าอภินิหารของการกล่าวหารองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเล่นหุ้น

มาอีกคดีที่นำไปสู่การใช้ม.44และการถอดสมณศักดิ์ ปลดตำแหน่งเจ้าอาวาส หลวงพ่อธัมมชโย ซึ่งคดีนี้ยิ่งกว่าอภินิหารทางกฎหมาย เพราะคดีเริ่มจากกล่าวหาเลื่อนลอย ว่ารับบริจาคคือรับของโจร

ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน และที่สำคัญโจรก็ยังไม่มี พอทักท้วงไปคุณศุภชัยเลยกลายเป็นโจรภายใน2 เดือนซะงั้น เงินบริจาคกว่า 18,000 ล้านที่หายไป มาไล่ล่ากับวัดพระธรรมกายแค่ 7% และศิษย์วัดก็คืนหมด สหกรณ์ขอบคุณเรื่องจบ แต่ดีเอสไอไม่จบเพราะอะไร ?

มาเฉลยเมื่อประธานสหกรณ์ตามทวงเงิน 3,800 ล้านจากอัยการขจรศักดิ์กับดีเอสไอที่อายัดไว้ไม่ยอมคืน ไหนจะอีกเกือบ 50 ล้านที่ผู้บริหารดีเอสไอ 2 คนฟอกเงินสหกรณ์ แต่เรื่องกลับเงียบหาย เงินอีกหลายร้อยล้านที่ขายที่คุณศุภชัยดีเอสไอก็ยังไม่คืน นี้ก็ร่วม 5,000 ล้านที่อยู่กับดีเอสไอ อีก 13,000 เงินสหกรณ์ที่ถูกตัดสินให้คืนสหกรณ์จากการขายทรัพย์สินทอดตลาด ? เมื่อ 2 ปีก็ยังอยู่ที่หน่วยงานรัฐ สหกรณ์ทวงถามดีเอสไอ ทำไมไม่คืนเงินเขา

ยิ่งกว่าอภินิหารของการกล่าวหารองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเล่นหุ้น

มาอีกคดีที่จะจับสึกพระธัมมชโยคือเรื่องพระลิขิต ซึ่งก็รู้ ๆ กันว่ามันไม่ปกติ แต่ละฉบับที่ออกมาล้วนน่าสงสัย  

แต่ก็ใช้อ้างกันมาเพื่อทำลาย ใช่หรือไม่ ?

ยิ่งกว่าอภินิหารของการกล่าวหารองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเล่นหุ้น

วัดพระธรรมกายถูกรุกไล่ โดยใช้ปาฎิหาริย์ทั้งทางกฎหมายและสารพัดกฏ แต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ได้เพราะความดีและความบริสุทธิ์ของวัดพระธรรมกายและชาวธรรมกายเอง

จนมีวลีติดปากในช่วงปี 42  ว่า"ทองแท้ไม่กลัวไฟ" และตามาด้วย "ไม่สู้ไม่หนี ทำดีเรื่อยไปชนะอย่างเดียว"

และมาปีนี้เพิ่มอีกวลีคือ "ความดีชนะทุกสิ่ง ความจริงชนะทุกอย่าง"

ตามด้วยธรรมาวุธที่มีประจำกายคือ สมาธิ และเสียงสวดมนต์

ขอเป็นกำลังใจให้ชาวธรรมกายฝ่าวิกฤตแห่งปาฏิหาริย์แห่งกฎหมายนี้ไปให้ได้อย่างสง่างาม

สมเป็นชาวพุทธที่มั่นคงในพระรัตนตรัยอย่างเที่ยงแท้ และพิสูจน์สัจธรรมแห่งความจริงนี้ให้ปรากฎแก่สายตาชาวโลก

อ่านบทความพระลิขิตเพิ่มเติมได้ที่

Cr.ตามรอยตะวันและจันทรา

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เจ้าของบทความ ตามรอยตะวันและจันทรา

บทความพิเศษจาก เจ้าคุณเบอร์ลิน


ที่มา www.google.co.th

แชร์