"กฏแห่งกรรม" มีจริง เมื่ออดีตหัวหน้าชุดสอบสวน ที่เคยจับหลวงพ่อธัมมชโย ปี 2542 ติดคุกในวัยชรา

"วาสนา เพิ่มลาภ" เมื่ออดีตประธาน กกต. “วาสนา เพิ่มลาภ” จำคุก 2 ปี จากวิกฤตเลือกตั้ง ปี 2549…ผมเป็นแพะบูชายัญ เวรกรรมตามสนอง จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา เข้าเรือนจำ ตั้งแต่ เดือน มิถุนายน 2559 http://winne.ws/n14146

2.1 พัน ผู้เข้าชม
"กฏแห่งกรรม" มีจริง เมื่ออดีตหัวหน้าชุดสอบสวน  ที่เคยจับหลวงพ่อธัมมชโย ปี 2542 ติดคุกในวัยชรา

กฏแห่งกรรม  มีจริง  อดีตหัวหน้าชุดสอบสวน  ที่เคยจับ หลวงพ่อธัมมชโย ปี 2542

"วาสนา   เพิ่มลาภ"

เวรกรรมตามสนอง จำคุก 2 ปี  ไม่รอลงอาญา เข้าเรือนจำ ตั้งแต่ เดือน มิถุนายน 2559 

เมื่ออดีตไล่ล่าประธาน กกต. “วาสนา เพิ่มลาภ” จำคุก 2 ปี จากวิกฤตเลือกตั้ง ปี 2549…ผมเป็นแพะบูชายัญ

Date: 9 มิถุนายน 2016

วิกฤตการเมือง เมื่อปี 2549 ไม่เพียงส่งผลเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไทย ยังทำให้ตัวละครสำคัญหลายคนเผชิญชะตากรรมจากหน้าเป็นหลังมือ และหนึ่งในนั้นก็มี “พล.ต.อ. วาสนา เพิ่มลาภ” อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

แม้เหตุการณ์จะผ่านมากว่าสิบปี และตัว พล.ต.อ. วาสนา ได้ถอยจากการเป็นตัวละครหน้าฉากนานแล้ว ..แต่อดีตก็ยังไล่ล่าเขาอยู่

โดยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 ศาลฎีกาได้ตัดสินจำคุกอดีต ประธาน กกต. รายนี้ พร้อมด้วย “ปริญญา นาคฉัตรีย์” อดีตกรรมการ กกต. จากการปฏิบัติหน้าที่ช่วงปีดังกล่าว เป็นเวลา 2 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทำให้ทั้งคู่ต้องเข้าสู่เรือนจำทันที !

พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. ที่มาภาพ : www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000055776

จากเด็กบ้านนอก จ.จันทบุรี ด.ช. วาสนาเข้ามาเรียนในเมืองกรุงกับโรงเรียนอำนวยศิลป์ ก่อนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นเข้ารับราชการตำรวจ ใช้เวลากว่า 40 ปี ไต่เต้าจากยศ “ร้อยตำรวจตรี” จนถึง “พลตำรวจโท“ และเกษียณอายุราชการ ในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

กระทั่งได้รับพระราชทานยศ “พลตำรวจเอก” เป็นกรณีพิเศษ เมื่อปี 2545 ปีเดียวกับที่ได้เป็นรับตำแหน่งเป็น ประธาน กกต. แทน “พล.อ. ศิรินทร์ ธูปกล่ำ” อดีตประธาน กกต. ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากได้รับการสรรหามาโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศตำรวจเป็นกรณีพิเศษ 

ทว่ายศและตำแหน่งสูงสุดในชีวิต ก็นำ “ทุกขลาภ” มาสู่ชีวิตของ พล.ต.อ. วาสนา ว่าแต่ อะไรคือความทุกข์ที่อดีตประธาน กกต. รายนี้ ต้องเผชิญ ณ จุดสูงสุดของชีวิต ?

ยากที่ตอบคำถามนี้ โดยไม่กล่าวถึงบริบทของการเมืองในช่วงเวลานั้น

เผือกร้อนจึงถูกโยนไปอยู่ในมือของ “4 เสือ กกต.” ที่มี พล.ต.อ. วาสนา เป็นประธาน (ขณะนั้น ยังไม่มีการสรรหากรรมการ กกต. คนใหม่ แทนจรัล บูรณพันธุ์ศรี ที่เสียชีวิต)

และวันที่ 25 กรกฎาคม 2549 ศาลชั้นต้น ก็พิพากษาให้จำคุก กกต. กรณีจัดเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตใหม่ ในวันที่ 23 เมษาฯ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คนละ 4 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทำให้ กกต. ชุดนั้นต้องพ้นจากตำแหน่งโดยทันที และต้องมีการสรรหา กกต. ชุดใหม่

พล.ต.อ. วาสนากับพวก ถูกขังอยู่ 3 วัน 3 คืน ก่อนศาลจะให้ประกัน และปล่อยตัวออกมา

กระทั่ง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เคลื่อนรถถังออกมายึดอำนาจ ล้มรัฐบาลของทักษิณ ในวันที่ 19 กันยายน 2549 วิกฤตการเมืองจึงยุติลงชั่วคราว

แต่วิบากกรรมของ พล.ต.อ. วาสนา ก็ยังไม่ยุติ

หลังพ้นจากตำแหน่ง พล.ต.อ. วาสนา ถอดสูทกลับไปใส่กางเกงขาสั้นทำสวนผลไม้ที่ จ.จันทบุรี บนที่ดินมรดกกว่า 100 ไร่ ที่ได้รับมาจากพ่อแม่ เลิกยุ่งกับการเมืองเด็ดขาด

เขาให้สัมภาษณ์ “มติชนออนไลน์” ว่า ไม่ยึดติดกับอำนาจ หรือวาสนา ตั้งแต่เป็นตำรวจจนถึงประธาน กกต. ก็ไม่เคยจัดงานวันเกิด เพราะรู้ว่าสัจธรรมเหล่านี้ไม่ยั่งยืน งานเกษียณปีแรก รถมาจอดหน้าบ้านยาวเป็นกิโลเมตร อีกปีผ่านไป จะเหลือครึ่งเดียว ยิ่งผ่านไปก็ยิ่งลดลง

“ใครจะคิดว่าชีวิตตกอับก็ช่าง จะว่าไปก็เหมือนอยู่รอวันตาย” พล.ต.อ. วาสนากล่าวพร้อมหัวเราะ

แม้คดีที่ทำให้เขาต้องนอนคุกเป็นครั้งแรกในชีวิต จะถูกยกฟ้องในชั้นศาลฎีกา ในปี 2556 เพราะศาลเห็นว่า “ถาวร เสนเนียม” อดีต ส.ส. ปชป. ผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

แต่คดีอื่น ๆ ก็คืบคลาน โดนเฉพาะคดีสอบจ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.แบบแบ่งเขต ในวันที่ 23 เมษาฯ ล่าช้า โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำคุกอดีต กกต. ทั้ง 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ. วาสนา, ปริญญา และวีระชัย แนวบุญเนียร เป็นเวลา 2 ปี และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี มาโดยตลอด

"กฏแห่งกรรม" มีจริง เมื่ออดีตหัวหน้าชุดสอบสวน  ที่เคยจับหลวงพ่อธัมมชโย ปี 2542 ติดคุกในวัยชรา

5 เสือ กกต. ชุดนั้น ต่างเผชิญวิบากกรรมที่แตกต่างกันออกไป จากซ้ายไปขวา พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ, ปริญญา นาคฉัตรีย์ (ทั้ง 2 คน ถูกศาลฎีกาตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 2 ป๊), จรัล บูรณพันธุ์ศรี (เสียชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่ง), วีระชัย แนวบุญเนียร (เสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี) และ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ (ลาออกจากตำแหน่งในช่วงวิกฤตปี 2549) ที่มาภาพ : http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9470000046576

พล.ต.อ. วาสนา เคยกล่าวเปิดใจไว้เมื่อกว่า 10 ปีก่อน สมัยที่ยังมีอำนาจ-วาสนา ว่า ตัวเขาและ กกต. ถูกใช้เป็น “แพะบูชายัญ” ของการต่อสู้เอาชนะคะคานกันทางการเมือง

แต่อย่างที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น แม้หลายคนรวมถึงอดีตประธาน กกต. รายนี้ จะหลุดจากกระดานเกมการเมืองไปนานแล้ว ทว่าสะเก็ดของความขัดแย้งที่อยู่ในรูปของคดีความก็ยังดำรงอยู่ และเดินหน้าต่อไปตามครรลองของมัน

ที่สุด ศาลฎีกาก็ตัดสินให้จำคุก พล.ต.อ. วาสนา วัย 75 กับปริญญา วัย 76 (ส่วนวีระชัยเสียชีวิตไปก่อนหน้า) เป็นเวลา 2 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี โดยไม่รอลงอาญา ผู้ควบคุมการเลือกตั้ง เมื่อปี 2549 ทั้ง 2 คน จึงต้องเข้าไปใช้ชีวิตบั้นปลายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

ปิดฉากชะตากรรม 2 ตัวละคร ผู้ติดอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ที่ทำให้ประเทศติดหล่ม เมื่อกว่าทศวรรษที่ผ่านมา

แต่ยังมีตัวละครอีกนับพัน-นับหมื่นคน ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้ของตัวเอง จะมีบทสรุปของชีวิตอย่างไร...

เวลาผ่านมาถึงปัจจุบันนี้ หนังม้วนเดิมได้ย้อนกลับมา มีนายตำรวจบางท่าน กำลังใช้อำนาจ อิทธิพลที่ไม่ชอบธรรม มาจับกุม พระธัมมชโย ในที่สุดแล้วบุคคลเหล่านั้น 

จะมีชะตากรรม ดังเช่น  " วาสนา  เพิ่มลาภ" หรือไม่ ?????

แม้ไม่อยากให้ใครต้องลำบากเพราะวิบากกรรมอันชั่วร้าย แต่กฎแห่งกรรมก็ไม่เคยเว้นใครเลยแม้แต่คนเดียว ...

ถึงอย่างไร คณะศิษย์วัดพระธรรมกาย ก็ได้รับการสั่งสอน ให้สวดมนต์แผ่เมตตาให้กับทุกคน ขอให้มีความสุข อย่าได้มีเวร มีภัย มีความพยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย!!!

แชร์