แจ็ก หม่า ไม่รักเมืองไทย!?!

เมื่อไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่า"รัฐบาลมาเลเซียจับมือแจ็ค หม่า เปิดเขตการค้าเสรีดิจิตอล"อ้าวก่อนหน้านี้เห็นว่าจะมาลงทุนในไทยมิใช่หรือหรือว่านายหม่าไม่รักเมืองไทยเสียแล้ว http://winne.ws/n14517

1.1 พัน ผู้เข้าชม

แจ็ก หม่า ไม่รักเมืองไทย!?!

           เมื่อไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่า"รัฐบาลมาเลเซียจับมือแจ็ค หม่า เปิดเขตการค้าเสรีดิจิตอล"อ้าวก่อนหน้านี้เห็นว่าจะมาลงทุนในไทยมิใช่หรือหรือว่านายหม่าไม่รักเมืองไทยเสียแล้ว
           ตามข่าวเมื่อวันที่22 มีนาคม 2560 (http://bit.ly/2mKVdXF) ปรากฏว่า "นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย และแจ็ค หม่าผู้ก่อตั้งและซีอีโอของอาลีบาบากรุ๊ป ซึ่งเป็นอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของโลกร่วมกันประกาศเปิดเขตการค้าเสรีดิจิตอลหรือ DFTZ ในงาน เสวนาโกลบอล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์วันนี้ตามข้อตกลง DFTZ ที่เป็นความคิดริเริ่มและการร่วมมือกันระหว่างนาจิบและหม่าจะยกเลิกภาษีนำเข้า-สำหรับสินค้าที่มีราคาสูงเกินกว่า 500 ริงกิตหรือ 3,850 บาท และคาดว่าตลาดนี้จะซื้อขาย สินค้ารวมมูลค่า 65,000 ล้านดอลลาร์ และสร้างงานได้ 60,000 ตำแหน่งภายในปี 2025(2568). . . ทำให้. . .เอสเอ็มอี ก้าวข้ามอุปสรรคเรื่องข้อบังคับกระบวนการและ กำแพงการค้าที่ซับซ้อนและส่งเสริมให้ธุรกิจต่างๆสามารถเชื่อมโยงกันในการค้าข้ามพรมแดน ซึ่งมื่อเปิด DFTZแล้ว มาเลเซียจะเป็นศูนย์กลางผู้ให้บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่งและจะ เป็นศูนย์กลางสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีในภูมิภาค"
           จริงๆแล้วไทยได้รับความสนใจก่อนมาเลเซียด้วยซ้ำไป โดยในวันที่ 6กันยายน 2559 มีข่าวว่า "'แจ็คหม่า'พบ'ประยุทธ์' พร้อมช่วยหนุนระบบขนส่งสินค้า SMEs" โดยการพบกันในครั้งนั้นจัดขึ้นในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่ม20 (G20) ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน (http://bit.ly/2mKPAZe)และในวัน 11 ตุลาคม 2559นายหม่ายังได้มาพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล และกล่าว (เท็จ?) ว่า "นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ว่าเป็นสิ่งที่ดีและเดินมาถูกทาง โดยในส่วนของความร่วมมือกับรัฐบาลไทยทางบริษัทอาลีบาบาจะเปิดโอกาสให้เข้าร่วมฝึกอบรมให้กับผู้ประกอบการรายย่อยเอสเอ็มอีนักศึกษาไทยไปฝึกงานที่ประเทศจีน. . ." (http://bit.ly/2o069R1)
           อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 ก็มีข่าวว่า "มาเลเซีย ตั้ง “แจ็ค หม่า” เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจดิจิทัล" (http://bit.ly/2o06bbp)โดยตามข่าวกล่าวว่า "นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า แจ็ค หม่าจะทำหน้าที่ให้คำแนะนำในการสร้างหนทางแห่งอนาคตให้กับมาเลเซีย นอกจากนี้ แจ็ค หม่ายังตอบรับเข้าร่วมการประชุมโกลบอล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟอรั่ม (GlobalTransformation Forum) รวมทั้งเตรียมตัวใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรีอิเล็กทรอนิกส์ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคมปีหน้า(2560) ถ้ารัฐบาลไทยฉลาดพอ เห็นข่าวแบบนี้ต้องตามติดแจ็คหม่า เพื่อชิงให้มาลงทุนไทยให้ได้ แต่นี่เขาก็ไปเสียแล้ว
          การที่นายหม่าไม่มาตั้งฐานที่ประเทศไทย ทำให้เราเสียหายหลายอย่าง
           1. เสียรู้มาเลเซีย
           2. เสียหน้าที่เขาไม่เลือกเรา
           3. เสียโอกาสการลงทุนและการจ้างงานมหาศาล
           4. เสียภาพพจน์ประเทศไทย
           5. เสียหายถึงความมั่นคงของรัฐบาล(ยิ่งกว่ากรณียิงเด็ก)
           เรื่องนี้น่าสนใจมากส่วนหนึ่งอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับ "ซิงเกิลเกตเวย์" ก็ได้เมื่อปลายปีที่แล้วก็มีข่าว "เมิน 3 แสนชื่อค้าน!สนช.เดินหน้าผ่าน พ.ร.บ.คอมพ์พรุ่งนี้" (15 ธันวาคม 2559:http://bit.ly/2objItQ) แต่รัฐบาลก็ออกมาปฏิเสธเป็นพัลวันว่าไม่ได้เอาจริงกับ"ซิงเกิลเกตเวย์" แต่ดูท่าทีกลับควบคุมสื่อต่าง ๆ อย่างเข้มงวดคนอื่นเขาก็คงมองออกว่าประเทศไทยของเราเป็นอย่างไรโอกาสการลงทุนของต่างชาติก็คงจะต้องทบทวนให้หนัก
           ยิ่งมาเจอกรณีเหมืองทองคำพิจิตรที่รัฐบาลให้สัมปทานบริษัทออสเตรเลียถึงปี2572 แต่กลับให้ ม.44เลิกสัมปทานไปอย่างนั้น นี่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลอาจขาดความแน่นอนด้านนโยบายทั้งที่ที่ผ่านมา ก็มีข่าวชัดเจนว่าประชาชนส่วนใหญ่หนุนให้คงเหมืองทองคำไว้มีผลพิสูจน์ชัดว่าประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจากเหมืองทองคำหาไม่คนงานเหมืองก็คงตายกันไปหลายคนแล้ว แต่นี่ไม่มีคนงานเหมืองตายเพราะเหมืองเลยอย่างไรก็ตามรัฐบาลกลับเลือกเชื่อเอ็นจีโอแทนที่จะเชื่อประชาชนเจ้าของประเทศ
          เรื่องการลงทุนต่างชาตินี้ถือว่าน่าห่วงมาก ปกติไทยกับจีนก็คบหากันดีอยู่แล้วจีนกับมาเลเซียไม่น่าจะไปด้วยกันได้มากนัก แม้จะมีคนจีนอยู่มากมายในมาเลเซียแต่ประเทศนี้ปกครองโดยคนมาเลย์หรือภูมิบุตร คนจีน คนอินเดียสัญชาติมาเลเซียต่างเป็นพลเมืองชั้นสองของประชาชนมาเลย์ส่วนใหญ่ จะซื้อบ้านก็ยังต้องซื้อเต็มราคาไม่ใช่ชาวมาเลย์ส่วนใหญ่ที่ซื้อในราคาที่มีส่วนลด แปลกไหม ลดให้กับคนส่วนใหญ่แต่ไม่ลดให้คนส่วนน้อย
          การที่นายหม่าเลือกที่จะเอามาเลเซียนั้นส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมาเลเซียเปิดกว้างด้านเสรีภาพมากกว่าไทยอนาคตความยุ่งเหยิงคงมีแต่น่าจะน้อยกว่าไทย แม้ประเทศนี้ด้อยกว่าไทยในหลายด้านแต่ก็ยังดีกว่าในสายตาของนายหม่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสะท้านใจจริงๆสำหรับคนที่รักประเทศไทย เพราะไทยเราถูกเมินจะเห็นได้ว่าการลงทุนข้ามชาติของไทยก็หดหายไปที่ประเทศเพื่อนบ้านทำให้ขีดความสามารถของไทยตกต่ำลง
           ผมว่ารัฐบาลที่มีอำนาจเต็มไม่ควรใช้อำนาจมากไปนัก ควรเผื่ออำนาจไว้ใช้ในยามจำเป็นบ้างเพราะยิ่งใช้อาจยิ่งกระทบต่อความมั่นคงของประเทศกระทำต่อขีดความเสี่ยงของประเทศที่เพิ่มขึ้น ถ้าวันใดผู้มีอำนาจหมดอำนาจไปก็จะทำให้ยิ่งอยู่ยากกว่า "ทักกี้"ที่ไปได้ทั่วโลกยกเว้นประเทศไทยเสียอีก ผมจึงขอเตือนไว้เพื่อความมั่นคงของผู้มีอำนาจและความมั่นคงของชาติ ผมว่านายหม่าคงรักเมืองไทย อยากมาอยู่เมืองไทยใจจะขาดแต่ติดขัดที่ท่านผู้นำ หรือรัฐบาลที่ออกจะไม่ "เวิร์ค"ในสายตาโลกเพราะไม่ได้มาตามแบบปกติ
           ถ้าไทยพอไปไหวจริง ๆนายหม่าคงไม่ทิ้งไปเช่นนี้ มาเร่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยกันเถอะ!?!
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1901.htm

แชร์