ธนาคารโลกเผย ในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ระบบราชการไทยถอยหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการส่งออกของไทยยังลดลงเหลือร้อยละ 3.3 ต่อปี ทำให้ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าด้วยอัตราการเติบโตเช่นนี้ ประเทศไทยจะต้องใช้เวลาอีกกว่า 20 ปี จึงจะก้าวไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงได้ http://winne.ws/n14569
ธนาคารโลกเผย ในช่วงเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ระบบราชการไทยถอยหลัง อยู่อันดับรั้งท้ายของอาเซียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
ธนาคารโลกได้จัดทำรายงานดัชนีความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศต่างๆ โดยระบุว่านับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา คุณภาพของระบบราชการไทยลดลงจากช่วงปี 1980-1999 กว่าร้อยละ 30 ขณะที่ระบบราชการของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์กลับมีความก้าวหน้ามากขึ้น ส่งผลให้ไทยตกจากอันดับ 2 ที่ตามหลังเพียงสิงคโปร์ มาอยู่อันดับรั้งท้ายร่วมกับเวียดนามและอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังระบุอีกว่า การที่คุณภาพของระบบราชการไทยแย่ลง จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ แม้ในช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะสูงถึงร้อยละ 7 ต่อปี ภาคการส่งออกเติบโตถึงร้อยละ 15 การลงทุนของเอกชนสูงกว่าร้อยละ 30 ของจีดีพี และอัตราความยากจนลดลงเป็นอย่างมาก
แต่ในปี 2014 ประชากรไทยถึง 7.1 ล้านคนยังอยู่ในภาวะยากจน และอีก 6.7 ล้านคนเสี่ยงต่อการตกสู่ภาวะยากจน โดยเฉพาะประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ตอนล่าง นอกจากนี้ ช่องว่างระหว่างกรุงเทพฯ กับชทบทยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่รายได้ต่อครัวเรือน การบริโภค ระดับการศึกษา ทักษะการประกอบอาชีพ และความสามารถในการผลิต
ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการส่งออกของไทยยังลดลงเหลือร้อยละ 3.3 ต่อปี ทำให้ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าด้วยอัตราการเติบโตเช่นนี้ ประเทศไทยจะต้องใช้เวลาอีกกว่า 20 ปี จึงจะก้าวไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงได้
ธนาคารโลกระบุว่า ขณะนี้กัมพูชาและเวียดนามกำลังไล่ตามไทยมาเรื่อยๆ โดยทั้งสองประเทศมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา การฝึกอาชีพ นวัตกรรม การลงทุนด้านเทคโนโลยี รวมไปถึงการพัฒนาภาคธุรกิจให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น
ธนาคารโลกแนะนำว่า หากไทยอยากกลับมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนอีกครั้ง รัฐบาลไทยจะต้องเร่งลงมือใน 4 ด้าน ดังนี้
1. ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศด้วยการลงนามเข้าร่วมเขตการค้าเสรี ลดการแทรกแซงเพื่อควบคุมตลาด ลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างงานและอาชีพที่แรงงานมีฝีมือ ที่มีความชำนาญเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น
2. ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาการที่ยากจน ด้วยการปรับปรุงความปลอดภัยของสถานที่ทำงาน ให้การศึกษาและฝึกทักษะแรงงาน รวมทั้งเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่เกษตรกร
3. มีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อลดความเสี่ยงอันเกิดจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ พร้อมทั้งสนับสนุนให้ใช้พลังงานสะอาดและพลังงานที่ยั่งยืนแทน
4. ปฏิรูประบบราชการ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงเป้าหมาย และสอดคล้องต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน