เตรียมตัวไปวัดทำบุญวันสงกรานต์อย่างไรดี ให้มีความสุข ?
วันสงกรานต์ชื่อว่า เป็นวันปีใหม่ของไทยเรา ตั้งแต่สมัยโบราณกาล ปู่ย่า ตายาย หรือผู้ถือศีล ได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา คือ การรักษาความสะอาด และการจัดระเบียบ การรักษาความสะอาด คนโบราณจะเริ่มตั้งแต่ รักษาร่างกายทุกกระเบียดนิ้ว http://winne.ws/n14653
สรงน้ำพระพุทธรูป
เตรียมตัวไปวัดทำบุญวันขึ้นปีใหม่ไทย(สงกรานต์) อย่างไรดี ให้มีความสุข ?
ตั้งแต่สมัยโบราณกาล ปู่ย่า ตายาย หรือผู้ถือศีล ได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา คือ การรักษาความสะอาด และการจัดระเบียบ
การรักษาความสะอาด คนโบราณจะเริ่มตั้งแต่ รักษาร่างกายทุกกระเบียดนิ้ว ให้สะอาด ทั้งผม เล็บมือ เล็บเท้า ทุกซอกทุกมุมของร่างกาย เรียกได้ว่า ถ้าเป็นเด็กเล็ก ๆ พ่อแม่ปู่ย่าตายาย พี่ ๆ จะต้องนำตัวมาขัดสีฉวีวรรณ กันเลยทีเดียว
ความสะอาดที่สอง คือ เสื้อผ้าสะอาด คนโบราณ จะต้องเตรียมชุดสำหรับใส่ไปวัดทำบุญไว้เฉพาะกันเลย และจะคัดเลือกชุดไว้ให้ลูกหลานอีกด้วย เรียกว่า ฉลองผ้าใหม่ ในวันไปวัดทำบุญกันนี่แหละ เด็ก ๆ มักจะสนุกสนาน ทั้งวิ่งและเดิน เบิกบานกันตั้งแต่ได้ลองชุดใหม่ ก่อนไปทำบุญกันทีเดียว
สะอาดต่อมา คนโบราณ จะเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะใส่ของทำบุญให้สะอาด งดงามเป็นพิเศษ เช่น ตะกร้าใส่ของ หรือหาบใส่อาหาร ขันเงินขันทอง(ทองเหลือง) นำมาขัดกันจนเงาวับเลย สมัยก่อนใช้ส้มมะขามกับแกลบ มาผสมกันแล้วขัด ก็เหลืองอร่ามกันเลย
สะอาดต่อมาคือ คำพูด จะสังเกต ผู้เฒ่าผู้แก่ สมัยก่อน เขาจะไม่พูดคำด่ากันหรอกนะ เขาจะสุภาพ ไม่เรียกมึงกู หรือด่าหรือพูดสิ่งใดที่เป็นลางไม่ดี เพราะเขาเชื่อคำพูดของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน ในครอบครัว นั้นศักดิ์สิทธิ์ จะพูดอะไรออกมาต้องเป็นมงคล
สะอาดต่อมาคือ การทำบ้านเรือน และบริเวณรอบ ๆ บ้านให้สะอาด คนสมัยโบราณ ไม่มีเหล้าขาย เขาก็เลยไม่ได้ดื่มเหล้า บ้านก็เลยไม่กลิ่นเหล้า ไม่ขวดเหล้าให้เห็น ส่วนใหญ่เป็นบ้านแบบเกษตรกรรม มักปลูกผลไม้ พืชสมุนไพร ไว้รับประทานเอง เขาก็จะตัดแต่งกิ่งก้าน ใบ ของต้นไม้ ให้สะอาด กวาดเศษสิ่งสกปรกให้เกลี้ยงจากพื้นที่ใต้ถุนบ้านและรอบบ้าน ซึ่งดูแล้ว ปัจจุบันหายากมาก แต่ก็ยังมีให้เห็นในต่างจังหวัด
ต่อมาก็เรื่องระเบียบ คนสมัยก่อนจะเริ่มตั้งแต่ฝึกความเป็นระเบียบและสะอาดให้ตั้งแต่เด็ก คือจะได้รับมอบหมายแบ่งพื้นที่กันกวาดบ้าน ถูบ้าน ตักน้ำใส่โอ่ง จัดข้าวของเครื่องใช้ ให้เป็นสัดส่วน ทั้งในส่วนที่เป็นครัว เป็นระเบียง(สมัยนี้คือห้องรับแขก) พื้นที่สำหรับนอน พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ไม่แต่งงานก็นอนเรียงกันบนเรือน แยกผู้ชายที่โตหน่อย ก็นอนอีกมุมหนึ่ง เป็นต้น ผู้ที่แต่งงานแล้ว ก็แยกบ้านแยกห้องนอนออกไป พ่อและแม่ก็แยกกันนอน เมื่อลูกเริ่มโตเป็นหนุ่มสาว
สมัยก่อนไม้แขวนเสื้ออะไรก็ไม่มี ก็จะใช้พับผ้าเอา แยกกัน เสื้อ ผ้าถุง กางเกง(ชาย) แยกหญิงชายไม่ปนกัน ผ้าห่ม ผ้าขาวม้า ก็แยกกัน ชัดเจน เขาจะมีตู้ไม้ สำหรับใส่ผ้าพับไว้อีกที ส่วนผ้าที่ใช้ประจำเขาก็แยกไว้ เสื้อผ้าชนิดไหนที่ใส่ออกนอกบ้านได้ ต้องดูดีหน่อย ส่วนที่ใส่ทำงาน่ในไร่ในนา และใส่อยู่บ้านก็อีกต่างหาก
สมัยโบราณ พ่อแม่ จะสอนให้ลูก ๆ เรียกพี่ ว่าพี่ พี่ก็เรียกน้องว่าน้อง นะ เรียงพี่เรียงน้องกันดี
พอถึงเวลาไปวัด เขาก็จะไปกันทั้งครอบครัว นะ ตั้งแต่ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ลูกหลาน ส่วนมากถ้าทำบุญสงกรานต์ หลายวัน บางครั้งก็ผลัดกันไป ก็มี ถ้าจำเป็นต้องเฝ้าบ้าน แต่ส่วนใหญ่ก็ไปพร้อมกันเลย เด็ก ๆ ก็จะวิ่งนำหน้ากันเลย สนุกสนาน สมัยก่อนไม่มีถนน ก็จะเดินเรียงแถวบนคันนากันไปอย่างนั้นจนถึงวัด รถก็ไม่มี มีแต่จักรยานแต่ก็ไม่มากนะ อากาศก็บริสุทธ์ ยาฆ่าแมลงไม่รู้จักกันหรอก เพราะใช้แต่ปุ๋ยคอกกัน
เวลา ที่เขาไปวัด ก็มักนั่งกันเป็นกลุ่ม ๆ ที่คุ้นเคยกัน พูดคุยกัน เรียกว่า วันสวยหล่อและวันสุขใจกันเลย
ทำบุญเสร็จใครอยู่วัดต่อ ก็จะบอกให้ลูกหลานนำอุปกรณ์ตะกร้ากลับบ้าน แล้วก็ให้ลูกหลานมารับในภายหลัง
ชอบตรงที่เขาสวดมนต์กันเสียงดัง เวลาเขาไปถือศีลที่วัด เขาก็จะช่วยกันกวาดวัด จัดเก็บข้าวของวัดให้เรียบร้อย อีกด้วย
อยากให้วัฒนธรรม ประเพณีดี ๆ แบบนี้ กลับมาสู่ประเทศไทยเราอีกจังเลย เพราะถึงแม้เป็นช่วงสั้น ๆ ในเทศกาลสงกรานต์ก็ยังดี จะได้เป็นตัวอย่างให้ลูกหลานได้เห็นว่า "ความงดงามของประเพณี วัฒนธรรมแบบไทย ๆ ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร"
ต้นไม้ใกล้ฝั่ง
6 เม.ย.2560