ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้ประกาศยกระดับการเตือนภัยขั้นสูงสุดให้ประชาชนรับทราบผ่านเครื่องขยายเสียง กับมือถือ และล่าสุด ก็คือการประกาศวิธีรับมือ เช่น หลบอยู่ในอาคาร เลี่ยงการอยู่ใกล้หน้าต่าง และเปิดทีวีทิ้งเอาไว้ 

             แม้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะมีระบบป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธแต่ยังไม่ได้ถูกรับรองมาตรฐานอย่างสมบูรณ์  โดยรัฐบาลญี่ปุ่นคาดว่า ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ในการโจมตีเป้าหมายระยะ 1,600 กิโลเมตร หมายถึงขีปนาวุธนั้นสามารถโจมตีได้ไกลถึงเกาะโอกินาวาทางตอนใต้ของญี่ปุ่นภายในเวลา 10 นาทีหลังถูกปล่อยออกจากฐาน

             แม้ว่าญี่ปุ่นจะอยู่กับภัยคุกคาม ว่าอาจจะโดนโจมตีโดยเกาหลีเหนือมานานแล้ว แต่ความหวาดกลัวได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการทดลองยิงขีปนาวุธรอบล่าสุด ซึ่งทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการโต้ตอบด้วยกำลัง

               คู่มือประชาชนในการรับมือภัยขีปนาวุธ เป็นข้อมูลล่าสุดที่ถูกบรรจุเข้าไว้ด้วยกันกับข้อมูลเตือนภัยในกรณีฉุกเฉินอื่นๆ เช่น กรณีเรือล่ม หรือกรณีที่มีการโจมตีโดยเครื่องบินรบ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ และมีคำแนะนำเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ

             ขณะที่คู่มือประกอบด้วยคำแนะนำในการดูแลตัวเอง เช่น หากไม่มีอาคารที่มั่นคงอยู่ใกล้ๆ ประชาชนต้องหมอบลงกับพื้นและป้องกันศีรษะของตนเอง หากขับขี่รถยนต์อยู่ ต้องหยุดรถอย่างปลอดภัยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วลงจากรถ  และหากขีปนาวุธตกลงในจุดที่ใกล้ตัว ต้องปิดจมูกและปากด้วยผ้าเช็ดหน้า และหนีออกจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด 

             ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ว่าญี่ปุ่นยังต้องคงระดับการเตือนภัยเอาไว้แม้ว่าการเฉลิมฉลองเนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 105 ของผู้นำตลอดกาล คิม อิง ซุง ผู้ล่วงลับไปแล้ว  

                นายคิชิดะกล่าวว่า ยังมีกิจกรรมสำคัญเกิดขึ้นอีก ในวันที่ 25 เมษยน ซึ่งเป็นวันหยุดสำคัญทางทหารของเกาหลีเหนือ   "ญี่ปุ่นต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ด้วยมาตรการที่หลากหลาย" นายคิชิดะกล่าว พร้อมระบุด้วยว่ารัฐบาลมีการประสานงานอย่างสม่ำเสมอกับตัวแทนชาวญี่ปุ่นในเกาหลีใต้ซึ่งมีจำนวนหลักแสนคนสำหรับการเตรียมการรับมือ
 

ที่มา: Disaster Preparedness Tokyo

ขอขอบคุณภาพจาก https://www.google.co.th

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก http://news.voicetv.co.th

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ http://news.voicetv.co.th/world/483270.html