พระโพธิสัตว์เคยโดดจากภูเขาให้เสือกิน ? ทำไมจึงกล้าทำถึงขนาดนั้น ? เพราะอะไร ?

ลำดับขั้นของการบริจาค ระดับบารมีธรรมดา ระดับ อุปบารมี (สละอวัยวะ) ระดับสูงสุดคือ ปรมัตถบารมี (สละชีวิต) เพื่อหวังผลพระโพธิญาณ คือการตรัสรู้ธรรม เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคต หัวใจของพระโพธิสัตว์จึงเอาหัวใจคนธรรมดาเปรียบเทียบไม่ได้ http://winne.ws/n15039

5.9 พัน ผู้เข้าชม
พระโพธิสัตว์เคยโดดจากภูเขาให้เสือกิน ? ทำไมจึงกล้าทำถึงขนาดนั้น ? เพราะอะไร ?

.....พระพรหมดาบส

.....พระชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์ทรงบังเกิดเป็นลูกชายในตระกูลพราหมณ์ชื่อ พรหมกุมาร ศึกษาสำเร็จไตรเพทแล้ว เป็นอาจารย์สอนลูกศิษย์ ๕๐๐ คน เมื่อบิดามารดาสิ้นชีวิตแล้วพรหมกุมารนำทรัพย์สมบัติออกบริจาค แล้วออกบวชเป็นฤๅษี ศิษย์ทั้ง ๕๐๐ ได้พากันทยอยบวชตามมาอยู่ด้วย

.....หัวหน้าศิษย์ทั้งหมดในครั้งนั้นคือ พระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ วันหนึ่งขณะที่เหล่าศิษย์พากันออกไปเที่ยวหาผลไม้มาบริโภค พระพรหมดาบสได้ไปกับศิษย์ที่เป็นหัวหน้า สองคนปีนป่ายขึ้นไปบนภูเขาปัณฑระ เมื่อมองลงไปที่เชิงเขา ดาบสทั้งคู่เห็นเสือแม่ลูกอ่อนเพิ่งคลอดลูกได้ ๒-๓ วัน กำลังหิวจัด แม่เสือมองจ้องลูกเขม็งเหมือนเตรียมจะขย้ำกินเป็นอาหาร

.....พระพรหมดาบสเห็นแล้วสลดใจ เห็นทุกข์ภัยในการเกิดเป็นสัตว์โลก มีแต่การเบียดเบียนกันเพื่ออยู่รอด ไม่เว้นแม้แต่จะเกิดเป็นแม่ลูกกัน ตราบใดถ้ายังต้องเวียนว่ายตายเกิด จะต้องหนีไม่พ้นการเบียดเบียนนำทุกข์มาให้แก่กันและกัน

.....พระดาบสเห็นใจในความหิวโหยของแม่เสือที่ยังไม่มีกำลังออกไปหาเหยื่อ และก็มีความกรุณาในชีวิตน้อยๆ เพิ่งเกิดของลูกเสือ จึงคิดบำเพ็ญปรมัตถทานบารมี สละชีวิตตนเพื่อให้ซากศพเป็นทาน แม่เสือกินแล้ว

.....คิดดังนั้นแล้ว พระดาบสจึงแสร้งใช้หัวหน้าศิษย์ที่มาด้วยกันให้ไปเที่ยวหาซากสัตว์ที่อาจมีในบริเวณนั้นมาให้แม่เสือ เมื่อดาบสผู้เป็นศิษย์เดินไปลับตา พระพรหมดาบสก็อธิษฐานจิตเอาอำนาจปรมัตถทานบารมีของตนครั้งนี้ เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณในเบื้องหน้า แล้วตัดสินพระทัยกระโดดลงมาสิ้นชีวิตทิ้งร่างไว้ต่อหน้าแม่เสือ แม่เสือจึงเลิกคิดกินลูกของมัน หันมากินร่างพระโพธิสัตว์แทน

.....การกระทำครั้งนี้เรียกว่า พุทธการกธรรม เป็นการกระทำที่ทำได้ยากยิ่ง สามารถสละสิ่งที่ทำได้ยาก เพื่อปรารถนาการตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปลื้องทุกข์ให้ตนเองและสัตว์โลกให้จงได้

.....พระพรหมดาบสสิ้นชีวิตแล้วไปบังเกิดในสุคติเทวโลก สิ้นบุญจากภพนั้นก็เวียนว่ายตายเกิดอีกเรื่อยมา ทำให้เสียเวลาในการสร้างบารมี ชาติที่ว่านี้คือชาติที่เกิดเป็นชายหนุ่มมีอาชีพเป็นช่างทอง (อ้างอิงจากหนังสือ: ต้องเป็นให้ได้ (ดั่งเช่นพระพุทธเจ้า)โดย อุบาสิกาถวิล (บุญทรง) วัติรางกูล อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=2569

พระโพธิสัตว์ทำบุญบริจาคทานอย่างไร ?

พระโพธิสัตว์เคยโดดจากภูเขาให้เสือกิน ? ทำไมจึงกล้าทำถึงขนาดนั้น ? เพราะอะไร ?แหล่งภาพจาก ธรรมะเพื่อประชาชน

พระโพธิสัตว์ เกิดเป็นกระต่ายสสบัณฑิต กระโดดเข้ากองไฟ เพื่อให้เนื้อเป็นทานแก่พระฤาษีที่มาลองใจ

พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพาราณสีเศรษฐี ต้องการทำทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้าที่อดอาหารมา 7 วันแล้ว แต่มารมาขัดขวางไม่ให้ทำทานเนรมิตหลุมถ่านเพลิงขนาดใหญ่ขวางไว้ แต่ก็ไม่อาจขวางการทำทานที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันนั้นได้

พระเวสสันดร บริจาคภรรยาให้พระอินทร์แปลง บริจาคบุตรให้กับชูชก เพื่อหวังโพธิญาน

พระเวสสันดร บริจาคช้างมงคล ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองให้กับประเทศเพื่อนบ้าน จนชาวเมืองไม่พอใจบังคับให้สละราชบัลลังค์

พระนางมัลลิกาและพระเจ้าปเสนทิโกศล ถวายอสทิสทาน(ทานที่ไม่มีใครเหมือน) หมดเงินไป 14 โกฏิ หรือ 140 ล้านในอดีต ปัจจุบันไม่รู้เทียบเท่ากับกี่ล้าน คนยุคปัจจุบันคงประนามว่าสิ้นเปลืองเป็นแน่

อนาถบิณฑิกเศรษฐี ทำทานจนหมดตัวมีแต่ข้าวปลายเกวียนกับน้ำผักดอง จนเทวดาต้องออกมาเตือน แต่สุดท้ายเทาดาถูกไล่ตะเพิดออกจากบ้านไป

พระโพธิสัตว์เกิดเป็นวิสัยหะเศรษฐี ทำทานจนหมดตัวเลยไปรับจ้างตัดหญ้ามาขายเพื่อทำทาน จนพระอินทร์ต้องมาห้าม เพราะกลัวถูกแย่งตำแหน่งพระอินทร์

นางสุปปิยาตัดเนื้อขาตัวเอง ต้มเป็นซุปถวายพระ เพราะหาเนื้อในตลาดไม่ได้ แต่ด้วยพุทธานุภาพเนื้องอกกลับมาเหมือนเดิม

เราจะเห็นได้ว่า การทำทานของนักสร้างบารมีในอดีต ที่เป็นระดับแนวหน้า ล้วนเป็นการสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันทั้งสิ้น 

และแน่นอนแต่ละคนย่อมมีจิตใจหนักแน่น ห้าวหาญไม่เท่ากัน เพราะมีดวงปัญญาไม่เท่ากัน มีบุญบารมีเก่าไม่เท่ากัน จึงไม่อาจทำตามได้ แต่ไม่ใช่ว่าที่เขาสร้างบารมีแบบนั้นมันผิด เพราะถ้าผิดพระพุทธเจ้าคงไม่เอามาเล่าให้เป็นตัวอย่าง

ถ้าจะผิดก็ผิดที่เราทำแบบนั้นไม่ได้ต่างหาก

ที่มา Somchet J.Mhin

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.mindfulnews.net/2016/05/blog-post_5.html

แชร์