อาชีพสุจริตแต่เป็นอาชีพบาป!ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น..เป็นดารา นักร้อง นักแสดง ดีจริงหรือ?

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ได้ร้องไห้ถึงข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้กับข้าพระองค์หรอก แต่ที่ข้าพระองค์ร้องไห้นั้น ด้วยความเสียใจว่าได้ถูกนักเต้นรำผู้เป็นอาจารย์และโบราณจารย์ก่อน ๆ ล่อลวงให้หลงเสียนานว่า... http://winne.ws/n15147

3.1 พัน ผู้เข้าชม
อาชีพสุจริตแต่เป็นอาชีพบาป!ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น..เป็นดารา นักร้อง นักแสดง ดีจริงหรือ?

อาชีพบาป!!! ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น…เป็นดารา นักร้อง นักแสดง ดีจริงหรือ?


เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ข้อ ๕๘๙-๕๙๒

เรื่อง ตาลปุตตสูตร ว่าด้วยปัญหาของนักเต้นรำชื่อว่าตาลบุตร

         สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้กรุงราชคฤห์ ครั้งนั้นพ่อบ้านนักเต้นรำนามว่า ตาลบุตร เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า

          "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำผู้เป็นอาจารย์และโบราณจารย์ก่อน ๆ กล่าวว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะรื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าจะตรัสอย่างไรพระเจ้าข้า"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "อย่าเลยนายคามณี จงหยุดคำถามนี้เสียเถิด ท่านจงอย่าได้ถามคำถามนี้กับเราเลย"

         เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสแล้ว ทำให้พ่อบ้านหัวหน้านักเต้นรำเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก จึงได้พยายามถามเป็นครั้งที่ 2 แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสเช่นเดิม พ่อบ้านก็คะยั้นคะยอถามเป็นครั้งที่ 3 พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ดูก่อนนายคามณี เราคงจะห้ามท่านเกี่ยวกับคำถามข้อนี้ไม่ได้แล้ว เอาละเราจะพยากรณ์ให้ท่านทราบ"

          "ดูก่อนนายคามณี เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ อันมีกิเลสเป็นเครื่องผูกราคะ โทสะ โมหะเข้าไว้ นักเต้นรำเป็นผู้รวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ อันจะทำให้สัตว์โลกเหล่านั้นมีความกำหนัดมากยิ่งขึ้น นักเต้นรำนั้นตนเองก็มัวเมาประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อแตกกายตายไป เขาย่อมบังเกิดในนรกที่ชื่อว่า ปหาสะ

          อนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะรื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อ ปหาสะ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด"

          "ดูก่อนนายคามณี เราขอกล่าวคติสองอย่างคือ ผู้มีความเห็นผิดจะต้องไปเกิดในนรก หรือกำเนิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง"
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่า ตาลบุตร ก็ร้องไห้สะอื้น น้ำตาไหล

           พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ดูก่อนนายคามณี เราได้ห้ามท่านแล้วมิใช่หรือว่า อย่าเลย ให้หยุดคำถามนี้เสียเถิด อย่าถามคำถามนี้กับเราเลย"

          ตาลบุตร กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ได้ร้องไห้ถึงข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้กับข้าพระองค์หรอก แต่ที่ข้าพระองค์ร้องไห้นั้น ด้วยความเสียใจว่าได้ถูกนักเต้นรำผู้เป็นอาจารย์และโบราณจารย์ก่อน ๆ ล่อลวงให้หลงเสียนานว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะรื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อ ปหาสะ

          ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยความหวังว่าคนมีจักษุจะมองเห็นได้

          ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับทั้งพระธรรม และภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ คือที่พึ่งอันสูงสุด ข้าพระองค์พึงขอบรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า"

          เมื่อ นายตาลบุตร ผู้เป็นพ่อบ้านนักเต้นรำอุปสมบทได้ไม่นาน ก็ได้หลีกออกจากหมู่ อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจแน่วแน่น ในที่สุด พระตาลบุตร ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลายนั่นเอง.

อาชีพสุจริตแต่เป็นอาชีพบาป!ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น..เป็นดารา นักร้อง นักแสดง ดีจริงหรือ?

ประวัติของนายบ้านนักเต้นรำ ตาลบุตร

           ชาวบ้านเล่ากันมาว่า นายบ้านนักฟ้อนรำคนนั้น มีผิวพรรณผ่องใสเหมือนลูกตาลสุกที่หลุดจากขั้ว ด้วยเหตุนั้น คนทั้งหลายจึงตั้งชื่อเขาว่า ตาลบุตร
นายตาลบุตร ผู้นี้ถึงพร้อมด้วยบุญเก่า ได้บังเกิดในตระกูลนักฟ้อนรำ พอเจริญวัยก็มีความสามารถเป็นยอดด้านนาฏศิลป์ ศิลปะฟ้อนรำ มีชื่อกระฉ่อนไปทั่วชมพูทวีป เขามีเกวียน ๕๐๐ เล่ม มีหญิงแม่บ้านรับใช้ ๕๐๐ คนเป็นบริวาร และมีภรรยาจำนวน ๕๐๐ คนเช่นกัน เขาจึงพรั่งพร้อมไปด้วยผู้หญิง ๑,๐๐๐ คน และเกวียน ๑,๐๐๐ เล่ม

          เมื่อเขาไปอยู่ในนครใดก็ตาม จะมีประชาชนในนครนั้น ๆ พากันให้ทรัพย์แก่เขาหนึ่งแสนก่อนเลยทีเดียว และเมื่อเขาแต่งตัวขึ้นแสดงมหรสพพร้อมด้วยหญิง ๑,๐๐๐ คนเมื่อใด ประชาชนที่มาดูเขาแสดงต่างก็โยนเครื่องประดับมือประดับเท้าเป็นต้นให้แก่เขา เพื่อเป็นการตบรางวัล และพวกชาวบ้านก็จะโยนทรัพย์สินให้เขาอย่างไม่ขาดสายในเวลาที่เขาทำการแสดง

คำอธิบาย

          ธรรมดานรกที่มีชื่อว่า ปหาสะ นั้น มิได้เป็นนรกที่เกิดขึ้นอยู่อย่างเอกเทศ แต่เป็นส่วนหนึ่งของอเวจีมหานรกนั่นเอง ในที่นั้นพวกสัตว์นรกทั้งหลายจะพากันขับร้องบ้าง ฟ้อนรำบ้าง อยู่ในเปลวไฟแห่งนรก และพากันหมกไหม้อยู่อย่างนั้นจนกว่าจะหมดกรรมอย่างน่าเวทนา.

แสงใดเหล่าใดจะสว่างกว่าธรรมนั้นหามีไม่
(โปรดเก็บประโยคนี้ไปไตรตรองดีๆ)


ที่มา: http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thammakittakon&date=29-07-2009&group=1&gblog=3

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.dek-d.com/board/view/1599353/

แชร์