"อนาคตทีวี" ยอดชม 'ยูทูบ' เตรียมแซงหน้าทีวีในปี 2020

ในปี 2016 ผู้ชมคลิปวีดีโอผ่านระบบสตรีมมิ่งออนไลน์มีมากถึง 15,000 ล้านชั่วโมงต่อวัน มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผู้ชมโทรทัศน์เฉลี่ยประมาณ 21,000 ล้านชั่วโมงต่อวัน ลดลงจากปีที่แล้วกว่า 1.2 พันล้านชั่วโมง http://winne.ws/n15151

861 ผู้เข้าชม
"อนาคตทีวี" ยอดชม 'ยูทูบ' เตรียมแซงหน้าทีวีในปี 2020

            ผลสำรวจผู้ชมวีดีโอคอนเทนต์ล่าสุดจากเนลเซ็นบริษัทผู้จัดทำเรตติ้งโทรทัศน์ระดับโลกพบว่า ในปี 2016 ผู้ชมคลิปวีดีโอผ่านระบบสตรีมมิ่งออนไลน์มีมากถึง 15,000 ล้านชั่วโมงต่อวัน มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผู้ชมโทรทัศน์เฉลี่ยประมาณ 21,000 ล้านชั่วโมงต่อวัน ลดลงจากปีที่แล้วกว่า 1.2 พันล้านชั่วโมง ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อจึงมองว่า หากแนวโน้มการเติบโตของผู้ชมคอนเทนต์ออนไลน์ยังเป็นเช่นนี้ ภายในปี 2020 ยอดผู้ชมออนไลน์จะแซงหน้ายอดผู้ชมโทรทัศน์อย่างแน่นอน

              คุณเบ็น คิง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจของกูเกิลประเทศไทยบอกว่า สิ่งที่ทำให้ยูทูบได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วก็คือตัวของแพลตฟอร์มเองที่ผู้ชมอยากจะเลือกชมอะไรก็ค้นหาคลิปนั้นได้ และตัวผู้ผลิตวีดีโอคอนเทนต์สมัยใหม่ ที่เริ่มปรับตัวได้ว่า พฤติกรรมของผู้ชมวีดีโอปัจจุบันชื่นชอบคอนเทนต์ที่ชมได้ทุกที ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องกลับบ้านไปดูทีวีช่วงไพรม์ไทม์เหมือนในอดีต 

              เป็นที่น่ายินดีว่า ผู้ผลิตคอนเทนต์สำหรับโทรทัศน์ในปัจจุบัน หันมาให้ความสำคัญกับการป้อนวีดีโอคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเช่นยูทูบกันมากขึ้น บางรายถึงขั้นผลิตคอนเทนต์ออริจินัล หรือรายการทั้งรายการสำหรับลงออนไลน์โดยเฉพาะ ซึ่งได้ผลตอบรับดีเกินคาด หลายคลิปมียอดวิวหลายล้าน และเผลอๆ อาจจะมากกว่ายอดวิวบนโทรทัศน์ด้วยซ้ำ 

                และอีกเทรนด์การชมวีดีโอบนยูทูบที่กำลังมาแรงก็คือการรับชมบนสมาร์ททีวี เซ็ตท็อปบ็อกซ์ หรือการแคสวีดีโอจากโมบายดีไวซ์ไปยังโทรทัศน์ ซึ่งผู้ใช้งานเหล่านี้มักจะเป็นคนที่ติดตามคอนเทนต์บนสมาร์ทโฟน และอยากมาชมคอนเทนต์เหล่านี้ต่อบนหน้าจอใหญ่ที่บ้าน ซึ่งผู้ใช้งานกลุ่มนี้มีจำนวนมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน

                 ดังนั้นเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่ผู้บริโภคสื่อในปัจจุบันนิยมมากที่สุด ก็คือการเข้าถึงคอนเทนต์บนออนไลน์มาเป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงตัวผู้บริโภคได้เร็วที่สุด จากอุปกรณ์โมบายดีไวซ์ที่ทุกคนมีติดตัว ดูได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้พวกเขาเป็นผู้กำหนด และบริหารเวลาอย่างที่พวกเขาอยากจะทำ มากกว่าการให้รายการโทรทัศน์มากำหนดว่าพวกเขาควรต้องดูรายการทีวีกี่โมง ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ล้าสมัยแล้วนั่นเอง


ขอขอบคุณภาพจาก https://www.google.co.th

ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก http://news.voicetv.co.th

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ http://news.voicetv.co.th/technology/470523.html

แชร์