ไทยจะเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน?

ขณะนี้มีค่ายรถยนต์ของยุโรปที่หันมาเริ่มผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด ในไทยบ้างแล้ว http://winne.ws/n15180

867 ผู้เข้าชม
ไทยจะเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน?


ผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายหันมาสนใจไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโครงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศของรัฐบาลไทย ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าตลาดรถยนตร์ไฟฟ้าไทยยังมีความท้าทาย

ขณะนี้มีค่ายรถยนต์ของยุโรปที่หันมาเริ่มผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด ในไทยบ้างแล้ว โดยสำนักข่าวนิกเกอิรายงานว่า ขณะนี้ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ของเยอรมนี ได้หยุดขายรถยนต์ซีดานและวากอนรุ่นซีคลาสในไทยแล้ว โดยรถยนต์ดังกล่าวได้ถูกรวมไว้ในล็อตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด รุ่นC350e ซึ่งติดตั้งตัวถังเชื้อเพลิง 2 ลิตร ควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้า สนนราคาอยู่ที่ 2,570,000 บาท โดยกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าระดับบนที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อม โดยรถรุ่นดังกล่าวได้เริ่มประกอบขึ้นในโรงงานจังหวัดระยองตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน บีเอ็มดับเบิลยู ค่ายรถยนต์คู่แข่ง ได้เริ่มประกอบรถยนต์ไฟฟ้าแล้วใน จ.ระยอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรถยนต์ BMW  330e luxury ที่มีราคาประมาณ 2,599,000 บาท โดยนำเข้าแบตเตอรีและมอเตอร์จากยุโรป 

นายเจฟฟรีย์ กอเดียโน ซีอีโอของบีเอ็มดับเบิลยูในไทยกล่าวว่า รถยนต์รุ่นปลั๊กอินไฮบริด ที่จะทำให้ขับขี่รถยนต์ต่อไปได้ถึงแม้ว่าแบตเตอรีจะหมด เหมาะกับไทยมากที่สุด เนื่องจากสถานีชาร์จแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้ายังมีไม่มาก โดยบีเอ็มดับเบิลยูได้ตั้งเป้าไว้ว่า รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจะต้องทำยอดขายให้ได้ร้อยละ 15 ของยอดขายในไทยทั้งหมดในปีนี้  

 

ไทยจะเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน?
ไทยจะเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน?

นอกจากนี้ ค่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นอย่างมาสด้าและโตโยต้า ได้แสดงท่าทีสนใจที่จะตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทย โดยค่ายมาสด้า กล่าวว่าได้เตรียมศึกษาวิจัยเกี่ยวกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ขณะเดียวกันบริษัทโตโยต้าได้เตรียมที่จะทดสอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเร็วๆ นี้โดยร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการเอื้อต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยจัดเก็บภาษีต่างๆ ในอัตราพิเศษ เช่น ภาษีสรรพสามิตร และยกเว้นภาษีนิติบุคคลสำหรับผลิตอุปกรณ์ประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เช่น แบตเตอรีและมอเตอร์ โดยกระทรวงพลังงานเองก็เตรียมจะตั้งสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 100 แห่งภายในประเทศภายในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของสำนักงานพลังงานสากล ชี้ว่า ตลาดการใช้รถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ ยังอยู่ในสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของยอดขายรถยนต์ประเภทนี้ทั้งหมด ส่วนประเทศในอาเซียนไม่อยู่ในกลุ่มประเทศที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลย ดังนั้น นักวิเคราะห์จึงมองว่าทั้งด้านการขายและการผลิต ไทยจะยังมีความท้าทายอย่างมาก ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนให้คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่านี้ เช่น การกำหนดอัตราภาษีพิเศษที่ถูกลงแล้วก็ตาม

ขอบคุณข้อมูลจาก

http://news.voicetv.co.th/world/484581.html

แชร์