นางสุปปิยา... อุบาสิกาเอตทัคคะในฝ่ายผู้อุปัฏฐากภิกษุไข้

นางเกิดความปีติปลาบปลื้มลืมความเจ็บปวด จึงรีบลุกขึ้นจากเตียง โดยเร็วด้วยหวังจะเข้าเฝ้า ทันใดนั้น เหตุอัศจรรย์อันเกิดจากพุทธานุภาพ บาดแผลที่ขาของนางก็หายสนิท ผิวราบเรียบไม่มีร่องรอยของบาดแผล ผิวพรรณผ่องใสยิ่งกว่าเดิม http://winne.ws/n15196

1.4 พัน ผู้เข้าชม

นางสุปปิยา อุบาสิกา ผู้เฉือนเนื้อตนเองเพื่อทำภัตตาหารถวายภิกษุอาพาธ

นางสุปปิยา... อุบาสิกาเอตทัคคะในฝ่ายผู้อุปัฏฐากภิกษุไข้

นางสุปปิยา...

เอตทัคคะในฝ่ายผู้อุปัฏฐากภิกษุไข้

นางสุปปิยา เกิดในตระกูลหนึ่ง ในกรุงพาราณสี เมื่อเจริญวัยแล้วได้สามีผู้มีฐานะใกล้เคียงกัน นางเป็นผู้มีอุปนิสัยศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแน่วแน่

ต่อมา เมื่อพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เป็นบริวาร เสด็จจาริกไปยังกรุงพาราณสี 

นางได้ทราบข่าวการเสด็จมาจึงเข้าเฝ้าพร้อมกับพุทธบริษัทอื่น ๆ ได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้วได้บรรลุโสดาปัตติผล

วันหนึ่งนางได้ไปฟังธรรมที่วัด และก่อนที่จะกลับบ้านได้เดินเยี่ยมเยือนพระภิกษุภายใน

วัดนั้น พบพระภิกษุอาพาธรูปหนึ่ง ได้ถามอาการของท่านแล้วจึงถามต่อไปว่า:-

“ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้าต้องการสิ่งใดบ้าง ?”

“อุบาสิกา อาตมาต้องการอาหารที่มีเนื้อจ้ะ”

“เอาเถอะ พระคุณเจ้า ดิฉันจะจัดมาถวายตามที่พระคุณเจ้าต้องการ”

เฉือนเนื้อตัวเองถวายพระ

วันรุ่งขึ้น นางได้ใช้ให้ทาสีไปหาซื้อเนื้อที่ตลาด ปรากฏว่าวันนั้นทั่วทั้งตลาดไม่มีเนื้อ

เหลืออยู่เลย นางทาสีจึงกลับมามือเปล่า อุบาสิกาเมื่อไม่มีเนื้อจะปรุงอาหารถวายพระก็ร้อนใจว่า:-

“เราได้บอกกับพระคุณเจ้าไว้ว่า จะจัดอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อมาถวาย ถ้าเราไม่มีส่งไป

พระคุณเจ้าก็จะลำบาก ควรที่เราจะส่งเนื้ออย่างใดอย่างหนึ่งไปถวาย”

เมื่อนางคิดดังนั้นแล้วก็เข้าไปในห้อง ใช้มีดเฉือนเนื้อที่ขาของตนเองออกมาก้อนหนึ่ง

แล้วส่งให้นางทาสีจัดการปรุงอาหาร พร้อมทั้งสั่งให้นำไปถวายพระคุณเจ้าที่วัด ถ้าพระคุณเจ้าถามถึง..ก็ให้บอกว่าอุบาสิกาเป็นไข้..

นางทาสีก็ทำตามที่อุบาสิกาผู้เป็นนายสั่งทุกประการ

พระบรมศาสดาเมื่อทรงทราบว่านางสุปปิยาไม่สบาย ครั้นวันรุ่งขึ้นจึงพร้อมด้วยภิกษุ

สงฆ์เป็นบริวารเสด็จไปยังบ้านของนางสุปปิยาอุบาสิกา นางเมื่อทราบว่า...พระผู้มีพระภาคเสด็จมา ได้ปรึกษากับสามีว่า...

 ตนไม่สามารถที่จะเข้าเฝ้าถวายการต้อนรับได้ ขอให้สามีจัดการกราบทูลอาราธนาพระบรมศาสนาให้ประทับนั่ง ณ ที่อันควรแล้วถวายพระกระยาหาร  พระบรมศาสดา เสด็จมาถึงบ้านของนางสุปปิยา ประทับนั่งบนพุทธอาสน์ที่จัดไว้แล้วตรัสถามถึงนางสุปปิยาว่า:-

“อุบาสก นางสุปปิยาไปไหน ?”

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางเป็นไข้นอนอยู่ในห้อง พระเจ้าข้า”

“จงเรียกนางมาเถิด อุบาสก”

นางสุปปิยา นอนอยู่ในห้องได้ยินพระพุทธดำรัสที่ตรัสกับสามีโดยตลอดจึงคิดว่า...

 “พระบรมศาสดา ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณสงเคราะห์เกื้อกูลแก่ชาวโลกทั้งปวง คงจะทรงทราบเหตุ

เรื่องราวของเราแล้วจึงรับสั่งเรียกหา” เมื่อคิดดังนี้แล้ว เกิดปีติปลาบปลื้มลืมความเจ็บปวด จึงรีบลุกขึ้นจากเตียง โดยเร็วด้วยหวังจะเข้าเฝ้า ทันใดนั้น เหตุอัศจรรย์อันเกิดจากพุทธานุภาพ บาดแผลที่ขาของนางก็หายสนิท ผิวราบเรียบไม่มีร่องรอยของบาดแผล ผิวพรรณผ่องใสยิ่งกว่าเดิม 

นางสุปปิยา อุบาสิกาเอตทัคคะในฝ่ายผู้อุปัฏฐากภิกษุไข้

นางสุปปิยา... อุบาสิกาเอตทัคคะในฝ่ายผู้อุปัฏฐากภิกษุไข้

นางยิ่งเกิดปีติศรัทธามากขึ้น รีบจัดแจงแต่งกายเรียบร้อยแล้วออกมาเข้าเฝ้า กราบถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์แล้วนั่ง ณ ที่อันควรแก่ตน

พระพุทธองค์ทรงพระดำริว่า..

 “อุบาสิกานี้ไม่สบายด้วยเหตุอะไรหนอ” ดังนี้แล้วจึงได้

ตรัสถาม นางสุปปิยา ก็ได้กราบทูลเรื่องราวที่ตนกระทำทั้งหมดให้พระพุทธองค์ได้ทรงทราบ...

ทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุฉันเนื้อมนุษย์

พระบรมศาสดาครั้งเสร็จกิจแล้วเสด็จกลับพระวิหารรับสั่งให้ประชุมสงฆ์แล้วทรงตำหนิ

ภิกษุรูปนั้นเป็นอย่างมากแล้ว ทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุฉันเนื้อมนุษย์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ต่อมาพระบรมศาสดาขณะประทับอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร เมื่อทรงสถาปนา

อุบาสิกาทั้งหลายในตำแหน่งต่าง ๆ ได้ทรงปรารภอุปนิสัยศรัทธาของนางสุปปิยาแล้ว ได้ทรงสถาปนานางไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่า.... อุบาสิกาทั้งหลายในฝ่ายผู้อุปัฏฐากภิกษุไข้

เนื้อที่ภิกษุฉันไมได้ ๑๐ อย่าง

๑. เนื้อมนุษย์

๒. เนื้อช้าง

๓. เนื้อม้า

๔. เนื้อสุนัข

๕. เนื้องู

๖. เนื้อราชสีห์

๗. เนื้อหมี

๘. เนื้อเสือโคร่ง

๙. เนื้อเสือดาว

๑๐. เนื้อเสือเหลือง

สัตว์ที่ภิกษุไม่ควรฉัน ๔ ประเภท

๑. สัตว์ที่เห็นเขาฆ่า

๒. สัตว์ที่ได้ยินเขาฆ่า

๓. สัตว์ที่เขาจงใจฆ่าให้ฉัน

๔. สัตว์ที่เลี้ยงไว้เอง


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก พม.สุริยา นาควีโร(ศิริโวหาร) www.google.co.th

แชร์