เทคนิคผ่อนบ้านให้หมดไว ด้วยวิธีขอลดดอกเบี้ย ได้เงินคืนบางส่วนเมื่อผ่อนหมด !

เรื่องจริง ..หลายคนทำงานงก ๆ เพื่อเก็บเงินไปผ่อนบ้าน ซึ่งใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะผ่อนหมด เพราะต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ที่ล้วนแต่ทำไปตามสเต็ปของธนาคาร เลยทำให้เป็นหนี้ยาว ผ่อนหมดช้า แถมยังไม่ได้เงินคืนจากการทำประกันบ้านอีก http://winne.ws/n15355

866 ผู้เข้าชม
เทคนิคผ่อนบ้านให้หมดไว ด้วยวิธีขอลดดอกเบี้ย ได้เงินคืนบางส่วนเมื่อผ่อนหมด !แหล่งภาพจาก baanparichat.com

วิธีผ่อนบ้านให้หมดไว แถมยังได้เงินคืนเมื่อผ่อนบ้านหมด จากประสบการณ์จริงด้วยกลเม็ดเด็ดเอาไว้ต่อรองกับธนาคารที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ 

หลายคนทำงานงก ๆ เพื่อเก็บเงินไปผ่อนบ้าน ซึ่งใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะผ่อนหมด เพราะต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ที่ล้วนแต่ทำไปตามสเต็ปของธนาคาร เลยทำให้เป็นหนี้ยาว ผ่อนหมดช้า แถมยังไม่ได้เงินคืนจากการทำประกันบ้านอีกต่างหาก คุณ สมาชิกหมายเลข 1789217 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เลยขอเอาประสบการณ์จริงที่ทำให้เขาสามารถผ่อนบ้านหมดในเวลาสั้น ๆ แถมยังได้เงินคืนตอนผ่อนหมดมาเล่าไว้เป็นแนวทางให้กับเหล่าลูกหนี้ที่อาจยังไม่เคยรู้ 

วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว และได้เงินคืนบางส่วนเมื่อผ่อนหมด โดย คุณ สมาชิกหมายเลข 1789217 

วิธีนี้หลายท่านคงรู้ดีอยู่แล้ว ผมขอแชร์ให้ผู้ที่ไม่รู้แล้วกันนะครับ สละเวลาอ่านแล้วคุณจะประหยัดเงินได้เยอะเลย ที่ผมอยากแชร์ประสบการณ์ตรงนี้ก็เพราะว่าพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ของผมหลาย ๆ คนที่บ้านนอกจากเขาจะไม่เคยรู้เลยว่ามันทำได้ (คนในเมืองส่วนใหญ่จะรู้แล้ว) ได้แต่ก้มหน้าผ่อนตามสเต็ปของธนาคาร ผมเห็นท่านเหนื่อยมาก่อน พอผมมีประสบการณ์กับตัวแล้วทำได้จริง ก็เลยอยากบอกต่อสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ครับ

1. ผ่อนให้หมดไวคือ การรู้จักขอลดดอกเบี้ย 

2. ได้เงินคืนบางส่วนคือ "เงินประกัน" ที่หลายคนถูกบังคับให้ทำตอนกู้นะครับ ซึ่งหลายธนาคารมักจะอ้างว่าจะได้อนุมัติให้ผ่านง่ายขึ้นถ้าทำประกัน (หลายคนอาจจะมีวิธีพูดที่ไม่ต้องทำตั้งแต่แรก แต่อันนี้สำหรับคนที่โดนไปแล้วนะครับ)

*****************************

1. ผ่อนให้หมดไวคือ การรู้จักขอลดดอกเบี้ย 

ปกติสัญญามักจะบอกว่าห้ามปิด (โปะหนี้) ก่อน 3 ปี เราจึงใช้ช่องโหว่ตรงนี้มาขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารครับ โดยการบอกว่าขอลดดอกเบี้ย (หลังจากผ่อนครบ 3 ปี) ถ้าไม่ได้เรามีแผนว่าจะรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่น (หมายถึงเราจะให้ธนาคารอื่นมาโปะหนี้กับธนาคารเดิม แล้วเราไปเป็นหนี้ธนาคารอื่นแทน) เมื่อบอกแบบนี้แล้วธนาคารจะพยายามรักษาลูกหนี้ไว้โดยการรีเทนชั่น (คือลดดอกเบี้ยให้) 

วิธีการ

ไปติดต่อธนาคารสาขาที่คุณกู้เพื่อเจรจาขอลดดอกเบี้ย โดยวิธีการคุยให้คุณได้เปรียบคือขอลดดอกเบี้ยดื้อ ๆ เลยครับ โดยให้เหตุผลแค่ว่าเพราะเราเป็นลูกค้าชั้นดี ไม่เคยมีประวัติชำระไม่ตรง และตอนนี้ผ่อนมาครบ 3 ปีแล้ว อยากขอลดดอกเบี้ย ถ้าไม่ได้จะตั้งใจว่าจะรีไฟแนนซ์เพราะไปเช็กดอกเบี้ยโฮมโลนสำหรับลูกค้าใหม่มาแล้ว 4-5 ธนาคาร แล้วดอกถูกกว่าที่จ่ายอยู่

จากนั้นพนักงานอาจจะถามคุณว่าสนใจที่ไหนอยู่ คุณก็แกล้งบอกไปสัก 1 ธนาคารที่ดอกต่ำที่สุดในกระดาษที่คุณจดมา (แต่คุณต้องเช็กแล้วเขียนใส่กระดาษไปเลยว่า ดอกเบี้ยแต่ละธนาคารเท่าไร 4-5 ที่อย่างที่บอกจริง ๆ ย้ำว่าต้องเช็กไปจริง ๆ เพราะคุณจะต่อรองได้มาก ธนาคารจะรู้เรตของธนาคารอื่นอยู่แล้ว แค่แกล้งถามให้รู้ว่าคุณเช็กมาจริง คุณเอาจริง) จากนั้นธนาคารเขาจะออฟเฟอร์ดอกเบี้ยใหม่ให้คุณ ซึ่งก็ยังแพงกว่าของธนาคารที่คุณแจ้งไปเล็กน้อย (เพราะเขารู้ว่าถ้าคุณรีไฟแนนซ์ คุณก็ต้องมีค่าใช้จ่ายและบางคนก็มองว่ายุ่งยาก ดอกเบี้ยลดให้แล้วแต่ยังแพงกว่าหน่อย ลูกค้าส่วนใหญ่ก็โอเค เพราะซื้อความสะดวก) พอคุณได้ดอกเบี้ยใหม่ คุณก็ถามเขาได้เลยว่าดอกเบี้ยใหม่เริ่มคิดให้ตั้งแต่เดือนไหน (ผมกำลังหมายความว่า คุณสามารถไปติดต่อก่อนครบ 3 ปี ล่วงหน้าสัก 1-2 เดือนได้เลย)

ป.ล. ดอกเบี้ยของธนาคารอื่น 4-5 ธนาคารที่ผมให้เช็กและจดไปว่าที่ไหนต่ำสุด ให้คุณคำนวณว่าในระยะเวลาอีก 3 ปีที่จะผ่อนข้างหน้าต่ำสุด ไม่ใช่ดูแค่ว่า 0% 3 เดือนแรกจากนั้นแพง ให้คำนวณดูที่ 3 ปี เพราะหลังจากนั้นทุก ๆ 3 ปี คุณก็ใช้ช่องโหว่เดิมมาขอลดดอกเบี้ยได้อีก ทั้งนี้ทั้งนั้นยอดหนี้ต้องเกิน 1 ล้านบาทตอนไปขอลดดอกเบี้ย (แล้วแต่ธนาคาร) 

เพิ่มเติมให้ครับ --> บางธนาคารก็ดูท่าทีเรานะครับ เพื่อประเมินว่าควรให้ดอกเบี้ยใหม่เท่าไร ถ้าไม่รู้อะไรไปเลยก็จะได้ลดไม่เยอะ เพื่อนผมเคยเจอแบบว่า พอพูดว่าจะรีไฟแนนซ์ เขาเช็กดูว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือเปล่า จนเพื่อนผมต้องบอกว่าหนี้บัตรตั้งใจปิดก่อนรีไฟแนนซ์อยู่แล้ว เพราะรู้ว่าต้องใช้ในการพิจารณาขอสินเชื่อบ้าน ยังไงก็จะปิดอยู่แล้ว เลยได้ลดดอกเบี้ยมาครับ ถ้าเขารู้ว่าเราไม่มีทางเลือกเป็นหนี้บัตรเครดิตอาจจะยากในการขอสินเชื่อจากธนาคารใหม่ ธนาคารก็อาจจะดึงเกมโดยไม่ลดให้หรือลดให้ไม่มาก เพราะรู้ว่าที่จริงแล้วเราไม่มีทางเลือกนะครับ ทางที่ดีก่อนไปต่อรองควรชำระบัตรให้หมด หรืออย่างน้อยให้บัตรเครดิตของธนาคารนั้นเป็น 0 ไปรวมหนี้ไว้ที่บัตรของธนาคารอื่นก่อน

2. ได้รับเงินคืน เมื่อผ่อนหมด

กรณีถ้าคุณโดนบังคับทำประกันพร้อมกู้ซื้อบ้านและคุณได้ทำสัญญากู้บ้าน เช่น ทำสัญญากู้บ้าน 30 ปี แต่คุณผ่อนจริง 17 ปีหมด คุณสามารถติดต่อขอเคลมเงินประกันคืน โดยคุณให้เหตุผลกับธนาคารว่า คุณได้คุ้มครองแค่ 17 ปี ที่เหลืออีก 13 ปีไม่ได้มีการคุ้มครองเพราะผ่อนบ้านหมดแล้ว ดังนั้นจึงขอเคลม 13 ปีที่ไม่ได้คุ้มครองคืนเป็นเงิน 

*** ทั้งนี้เงินที่ขอเคลมคืนอาจจะไม่ได้มากนะครับ อาจจะไม่กี่หมื่น สอบถามธนาคารได้เลยว่าได้คืนเท่าไร ซึ่งธนาคารอาจจะยื่นข้อเสนอว่าถ้าไม่รับคืนก็จะคุ้มครองต่อ (ซึ่งการคุ้มครองมักจะเป็นได้เงินถ้าเราตาย ส่วนใหญ่ธนาคารจะทำประกันแบบนี้ให้ เพราะเขากลัวว่าเราตายก่อนผ่อนบ้านหมด ซึ่งผู้ที่ได้ก็ไม่ใช่เรา แต่เป็นผู้รับประโยชน์ในสัญญากรมธรรม์ ถ้าเราให้เขาคุ้มครองต่อ เราก็แจ้งชื่อผู้รับประโยชน์ใหม่ไปได้เลย เพราะผู้รับประโยชน์เก่าในกรมธรรม์ก่อนที่เราจะปิดบ้านหมดคือ "ธนาคาร") ดังนั้นคุณสามารถลองชั่งน้ำหนักดูได้ว่าจะเคลมเอาเงินคืนหรือให้เขาคุ้มครองต่อไป 

ทั้งหมดนี้เป็น 2 ข้อง่าย ๆ ที่ผมได้จากประสบการณ์ตัวเอง ประหยัดเงินไปได้หลายแสนเลยครับ 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 1789217 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

Kapook.com

Pantip.com

http://pantip.com/topic/34440303

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bkkcitismart.com/ข่าว/11-jan-2016/วิธีผ่อนบ้านให้หมดไว-ได้เงินคืนบางส่วนเมื่อผ่อนหมด

แชร์