คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศได้ออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ภัยแล้งและภาวะอดอยากในโซมาเลีย ซึ่งเป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่การก่อตั้งสหประชาชาติ พร้อมระบุว่า หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไป ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ประชากรครึ่งหนึ่งของโซมาเลียจะตกอยู่ในภาวะอดอยาก

คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือไอซีอาร์ซี เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาวะอดอยากในประเทศโซมาเลีย อันเกิดจากภัยแล้งที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2016 เป็นต้นมา ได้ส่งผลให้ชาวโซมาเลียกว่า 615,000 คน ซึ่งในส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิงกลายเป็นคนพลัดถิ่น ขณะที่ในสถานสงเคราะห์เด็กเมืองไบเดา มีเด็กกว่าร้อยละ 80 ที่มีอาการขาดสารอาหาร โดยในจำนวนนี้มีเด็กราวๆ 230 คน ซึ่งเป็นเด็กอายุระหว่าง 1-5 ปี เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีที่แล้ว ที่มีเด็กวัย 1-5 ปีขาดสารอาหารประมาณ 100 คน

โดยไอซีอาร์ซีได้แสดงความกังวลว่า หากสถานการณ์ภัยแล้งยังคงดำเนินต่อไป ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ราวๆ ครึ่งหนึ่งของประชากร 12 ล้านคนของโซมาเลียจะเผชิญกับภาวะอดอยาก ซึ่งแม้ว่าเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะมีฝนตก แต่ไอซีอาร์ซีกลับระบุว่า สถานการณ์โดยรวมยังคงไม่ดีขึ้น และฝนที่ตกลงมายังส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้ออหิวาตกโรค ส่งผลให้จนถึงขณะนี้ มีรายงานผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 20,000 คนทั่วประเทศ

นอกจากนี้ สถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพโซมาเลียกับกลุ่มก่อการร้ายอัล-ชาบับ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เพราะแม้กองทัพโซมาเลียจะสามารถยึดเมืองสำคัญคืนจากกลุ่มอัล-ชาบับได้ แต่หลายพื้นที่ในชนบทยังคงอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มอัล-ชาบับ

เมื่อปี 2011 โซมาเลียเผชิญกับภัยแล้งและภาวะอดอยาก ส่งผลให้ในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตกว่า 260,000 ราย อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติได้ประเมินว่าภัยแล้งและภาวะอดอยากในปีนี้รุนแรงกว่าครั้งนั้นมาก พร้อมระบุว่า วิกฤตครั้งนี้ คือ วิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่การก่อตั้งสหประชาชาติเมื่อปี 1945

ที่มา : http://news.voicetv.co.th/world/491746.html

ขอบคุณวิดิโอจาก : https://www.youtube.com/watch?v=DfxNu-VSiHQ