สร้างคนก่อนสร้างเงิน กับกระบวนการพลังปัญญา 6 ขั้นตอนใน “โครงการพลังปัญญา 4 หมู่บ้าน”
ประธานโครงการพลังปัญญา 4 หมู่บ้าน จากอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า แนวคิดหลักของโครงการพลังปัญญา 4 หมู่บ้าน จะเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ประกอบด้วย “สร้างคน - สร้างงาน - สร้างเงิน” เริ่มต้นจากการ “สร้างคน” http://winne.ws/n15766
“โครงการพลังปัญญา 4 หมู่บ้าน” เป็นหนึ่งในตัวอย่างโครงการที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มผู้นำเกษตรกรและแกนนำชุมชน 4 หมู่บ้าน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรโครงการพลังปัญญารุ่นที่ 1 (ปี 2558) และได้รับการสนับสนุน “ทุนหมุนเวียนพลังปัญญา” ปี 2559 ประเภทเครือข่ายสถาบันพลังปัญญา เพื่อนำไปสร้างโครงการต่อยอดขยายผลให้เกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนแก่ชุมชนต่อไป
โครงการดังกล่าว มีแนวคิดในการ “การพัฒนาคน การพัฒนาองค์ความรู้” โดยใช้ศาสตร์ของพระราชา ศาสตร์สากล และภูมิปัญญาท้องถิ่น มาผสมผสานและถ่ายทอดให้กับชาวบ้านที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของโครงการ ได้นำเอาแนวคิดนี้ไปปรับใช้กับตนเอง ปรับเปลี่ยนกระบวนการคิดจากภายใน ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และนำไปสู่การประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนพัฒนาให้คนในชุมชนสามารถกลายเป็นแกนนำและเกิดเป็น “ผู้นำชุมชนต้นแบบ” ได้
หลักคิด “สร้างคน” บนฐานคิดพลังปัญญา
แม่ทองดี โพธิยอง ประธานโครงการพลังปัญญา 4 หมู่บ้าน จากอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า แนวคิดหลักของโครงการพลังปัญญา 4 หมู่บ้าน จะเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ประกอบด้วย “สร้างคน - สร้างงาน - สร้างเงิน” เริ่มต้นจากการ “สร้างคน” เพื่อปลูกฝังให้คนในชุมชนให้มีแนวคิดพลังปัญญาและนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต โดยให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการ “สร้างงาน” สร้างอาชีพจากทุนทางสังคมที่มีอยู่ในชุมชน ดำเนินการในรูปแบบกองทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งจากการมีส่วนร่วมของสมาชิก และโครงการฯ เองก็จะต้องพึ่งตนเองได้ด้วยการ “สร้างเงิน” สร้างรายได้หมุนเวียนในโครงการฯ
กระบวนการ “สร้างคน” เริ่มจากการคัดเลือกแกนนำชุมชน หมู่บ้านละ 3 คน ให้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรและพัฒนาศักยภาพแกนนำด้วย กระบวนการพลังปัญญา 6 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นที่1 พลังปัญญาเปลี่ยนชีวิตโดยฝึกให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถประเมินและวิเคราะห์ตนเอง ทำให้เข้าใจและรู้ว่าจะสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองในเรื่องไหนและอย่างไร นอกจากนั้นยังได้เรียนรู้วิธีคิดนอกกรอบ จากการนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นและทุนที่มีอยู่ในชุมชนมาต่อยอดกับองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการสร้างประโยชน์ที่ยั่งยืนต่อไป
ขั้นที่ 2 สร้างแผนชีวิต เป็นการสอนให้ผู้เข้าอบรมได้ฝึกการวางแผนและการคิดอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากการวางแผนการเงินและการออม ด้วยการทำบัญชีครัวเรือนซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากที่สุด
ขั้นที่3 และ 4 สร้างสมดุลและการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการฝึกให้วิเคราะห์และจัดการบนพื้นฐานของความพอประมาณ มีเหตุผล ภูมิคุ้มกัน ภายใต้เงื่อนไขความรู้และคุณธรรม
ขั้นที่5 เรียนรู้หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นการฝึกฝนการทำงานอย่างเป็นระบบขั้นตอน และ
ขั้นที่6 ตลาดธรรมชาติ เป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย โดยเริ่มจากการสำรวจความต้องการของตลาด รวมถึงการพัฒนาสินค้าเดิมที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพและมีมูลค่าเพิ่ม หลังจากแกนนำที่ผ่านการอบรมหลักสูตรดังกล่าวแล้ว ก็จะทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดและขยายผลแนวคิดพลังปัญญาไปสู่คนในชุมชนของตนเอง เพื่อให้เกิดเป็นเครือข่ายพลังปัญญาที่สามารถเชื่อมต่อไปยังชุมชนอื่นๆ ได้
ส่วนวิธีการ “สร้างงาน” นั้น แม่ทองดี บอกว่า เป็นการสร้างงานจากทุนทางสังคมที่มีอยู่ในชุมชน โดยเริ่มจากการมองหาวัตถุดิบใกล้ตัวที่มีอยู่มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้อุปโภคหรือบริโภคในชีวิตประจำวันได้ เช่น น้ำยาทำความสะอาดหรือแชมพู ที่นำเอาสมุนไพรธรรมชาติซึ่งมีอยู่ในท้องถิ่นมาเป็นส่วนประกอบ หรือการนำเอาสมุนไพรท้องถิ่นมาแปรรูปเพื่อทำน้ำพริกสำเร็จรูปจำหน่าย เมื่อคนในท้องถิ่นสามารถประยุกต์สิ่งใกล้ตัวให้เกิดมูลค่าเพิ่มก็ทำให้พวกเขามีงานและมีรายได้จากสิ่งเหล่านั้น นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมอาชีพให้กับสมาชิกในชุมชน ให้สามารถมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้า เพื่อสร้างความเข้มแข็งจากการมีส่วนร่วมของสมาชิก ซึ่งปัจจุบันได้เกิดเป็น 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนพลังปัญญาชุมชนฟ้าใหม่ (ประตูก้อม) กองทุนพันธ์พืช กองทุนข้าวเพื่อสุขภาพ และกองทุนพลังปัญญาบ้านบูชา
สุดท้าย “สร้างเงิน” หรือ รายได้ให้แก่โครงการซึ่งมีหลายวิธี เช่น การลงทุนซื้อข้าวเปลือกมาสีและขายให้แก่สมาชิก หรือลงทุนซื้อเมล็ดพันธุ์พืชขายให้แก่ชาวบ้านเพื่อนำไปปลูก เมื่อได้ผลผลิตแล้วจึงนำเมล็ดพันธุ์มาคืนกองทุนพันธุ์พืช เพื่อนำเงินที่ได้ไปเป็นสวัสดิการช่วยเหลือผู้สูงวัยและให้ความรู้แก่เด็กที่ขาดโอกาสต่อไป นอกจากนี้ยังมีการเก็บค่าสมาชิกจากผู้ที่เข้ารับการอบรม และนำรายได้บางส่วนหักเข้ากองทุนต่างๆ ของโครงการอีกด้วย
“กองทุนทั้ง 4 ประเภท ตั้งขึ้นมาแตกต่างจากกองทุนอื่นๆ ที่มักจะเน้นการสร้างถนน ไฟฟ้า น้ำประปา แต่กองทุนของโครงการพลังปัญญา 4 หมู่บ้าน จะเน้นที่การสร้างคนเพื่อไปให้ความรู้การอบรมคนอื่นๆ ต่อไป เป็นการให้ความรู้ในสิ่งที่เขาอยากเรียนรู้ และสอดคล้องกับทักษะที่เขามี ไม่ใช่ไปครอบความคิดเขา เช่น เขาอยากแปรรูปพืช ผัก ผลไม้ตามฤดูกาลของท้องถิ่น เราก็จะให้ความรู้เขาไปประกอบเป็นอาชีพ เป็นการสร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน” แม่ทองดีกล่าว
แม่ยุพิน วงศ์เยาว์ แกนนำหมู่บ้านบ้านบูชา ตำบลบ้านแป้น อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และประธานกองทุนพลังปัญญาบ้านบูชา เล่าถึงที่มาของการจัดตั้งกองทุนฯ นี้ว่า ต้องการพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชน ให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ โดยการจัดตั้งกองทุนฯ ขึ้นมาก็เพื่อต้องการส่งเสริมอาชีพให้กับสมาชิกในชุมชน โดยจะปันผลกำไรจากการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์เครื่องจักสาน เช่น กระเป๋า หมวก มาสมทบเป็นกองทุนพลังปัญญาหมู่บ้าน เพื่อใช้พัฒนาบุคลากร ฝีมือแรงงาน และผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกชุมชนอีกด้วย
“เราปรับเปลี่ยนความคิดของคนในชุมชน และแก้ปัญหาภายในชุมชนจากทุนความรู้และสิ่งที่มีใกล้ตัว อาทิ ปัญหาหนี้สินในครัวเรือนที่ได้มีการรวมกลุ่มส่งเสริมอาชีพให้คนในชุมชนมีรายได้ รวมถึงการแนะนำวิธีการออมเงินและการวางแผนชีวิต โดยเริ่มจากการทำบัญชีครัวเรือน ลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้เสริม เป็นต้น” แม่ยุพิน กล่าว
“ธรรมนูญหมู่บ้าน” ข้อตกลงชุมชน
สร้างความสุข ด้วยพลังปัญญา
จากแนวคิดโครงการพลังปัญญา 4 หมู่บ้าน ทำให้พบว่าการพัฒนาท้องถิ่นนั้นต้องเติบโตไปพร้อมๆ กัน และจากการขับเคลื่อนโครงการก็ทำให้เห็นว่าในแต่ละชุมชนนั้นต่างมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป สิ่งที่จะทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง ก็น่าจะมาจากการมีส่วนร่วมในการจัดการแก้ปัญหาร่วมกัน ทางกลุ่มจึงทำการสำรวจข้อมูลความต้องการของแต่ละหมู่บ้านด้วยการใช้แบบสำรวจ “ดัชนีวัดความสุข” เพื่อนำผลที่ได้มาวิเคราะห์เป็นแนวทางในการสร้างข้อกำหนดของแต่ละหมู่บ้าน โดยเรียกว่า “ธรรมนูญหมู่บ้าน”
โดยเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา กลุ่มชาวบ้านได้ร่วมกันจัดพิธีลงนาม “ธรรมนูญพลังปัญญา4 หมู่บ้าน” ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันของแต่ละชุมชนที่จะนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติร่วมกัน โดยภายในงานได้รับเกียรติจากเลขาธิการ กรรมการ และคณะผู้บริหารจากมูลนิธิมั่นพัฒนา เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามนี้ด้วย
แม่ทองดี ขยายความให้ฟังว่า “ธรรมนูญพลังปัญญา 4 หมู่บ้าน” เป็นข้อตกลงร่วมกันของแต่ละชุมชนที่เกิดจากการร่วมมือกันในการสร้างข้อกำหนดขึ้นมาเอง หลังจากเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ปัญหาของชุมชนว่าจะมีแนวทางแก้ไขอย่างไรบ้าง ซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะมีข้อตกลงไม่เหมือนกัน เช่น บ้านน้ำโจ้ ทำข้อตกลงด้านการพัฒนาคนด้วยพลังปัญญาสร้างจิตสำนึกรักบ้านเกิด บ้านกู่แดง ทำข้อตกลงเพื่อสร้างความเข้าใจในการพัฒนาคนให้มีความสุขในการดำเนินชีวิตประจำร่วมกันในชุมชน ดูแลสุขภาพซึ่งกันและกัน บ้านบูชา ทำข้อตกลงชุมชนว่าด้วยการเสริมสร้างความสุขให้ครอบครัว มีสุขภาพดี มีความสุข สู่ความสมดุลของชีวิต ชุมชนฟ้าใหม่ (ประตูก้อม) ทำข้อตกลงด้านการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต หลีกเลี่ยงสิ่งเสพติดด้วยพลังปัญญา
ในฐานะประธานโครงการฯ แม่ทองดี กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมายระยะยาวของโครงการพลังปัญญา 4 หมู่บ้านว่า “สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือ การสร้างงานให้คนในชุมชนมีงานทำภายในชุมชน พร้อมทั้งพยายามชักชวนคนรุ่นใหม่ที่ไปทำงานต่างถิ่นให้กลับสู่ชุมชน และสร้างให้เกิดความสำนึกรักบ้านเกิด พร้อมทั้งสนับสนุนให้เด็กเยาวชนที่มีความรู้ความสามารถกลับมาเป็นผู้นำชุมชนในอนาคต เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายก อบต. เพื่อสร้างให้คนของชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ชุมชนมีความสุข และมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน”
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.komchadluek.net/advertorial/economic/231023