ทำไม? ความ"สะอาด"และ"สกปรก"จึงอยู่ร่วมกันไม่ได้ !!
วันหนึ่ง ขณะกำลังเช็ดห้องน้ำ ให้แห้ง ทำไมต้องเช็ดทุกซอกทุกมุมให้แห้งสนิทด้วย เพราะใจอยากทำ ทำไมอยากทำ อยากเห็นความสะอาด ทำไมอยากเห็น นั่นสิ... ?? http://winne.ws/n15786
วันหนึ่ง ขณะกำลังเช็ดห้องน้ำ ให้แห้ง ทำไมต้องเช็ดทุกซอกทุกมุมให้แห้งสนิทด้วย เพราะใจอยากทำ ทำไมอยากทำ อยากเห็นความสะอาด ทำไมอยากเห็น นั่นสิ... ??
ความคิดก็เลยผุดขึ้นมาว่า ใช่สิ ถ้าไม่สะอาด มันก็สกปรก ถ้าสะอาดน้อย สะอาดปานกลาง สะอาดมาก ถึงมาก ๆ ๆ คือแทบไม่มีสิ่งสกปรกเลยแม้แต่นิดเดียว แสดงว่า สะอาดกับสกปรก มันเป็นสิ่งที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ เหมือนความมืดกับความสว่างก็เช่นกัน ไม่มีวันอยู่ร่วมกันได้ อย่างแน่นอน ดูตอนเช้าพระอาทิตย์ขึ้นมา โลกก็เริ่มสว่าง ความมืดก็หายไป
ปริมาณความมืดและความสว่างเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกันตลอดเวลา ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ความสะอาดกับความสกปรกหรือความไม่สะอาดก็เช่นเดียวกัน
เหมือนใจของเราก็เช่นกัน เมื่อสว่างมาก ความมืดในใจก็เหลือน้อยมาก ใจสว่างมาก ๆ ๆ ความมืดก็เหลือน้อย ๆ ๆ ไปด้วย
เมื่อความสะอาดมาก ความสกปรกก็เหลือน้อย เมื่อความสะอาดมาก ๆ ๆ ความสกปรกก็เหลือน้อย ๆ ๆ ไปด้วย
แต่ใจ (เห็น จำ คิด รู้ อยู่ที่ใจ ตามคำสอน หลวงปู่วัดปากน้ำ) เป็นนายของกาย ดังคำที่ว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" บ่าวคอยรับใช้ใจที่ที่เป็นเจ้านายที่คอยสั่งมา
ถ้าใจสว่างมาก เห็นอะไรชัดเจนมาก ถึงมาก ๆ ๆ ก็ย่อมสั่งให้กายทำดี พูดดี คิดดี ได้มาก ตรงตามจริง
ถ้าใจสว่างน้อย เพราะความมืดในใจมาก ก็สั่งให้กายทำดีน้อย พูดดีน้อย คิดดีน้อย เพราะเห็นไม่ชัดเจน
สิ่งที่ทำให้ใจสว่าง สะอาด ใส ได้ ก็ต้องนำคลื่นพลังงานบริสุทธิ์ หรือบุญเข้าไปในใจให้ได้มาก ๆ แล้วทำอย่างไร ?
วิธีนำคลื่นพลังงานบริสุทธิ์หรือบุญเข้าไปในใจ ที่ง่ายที่สุดของชาวพุทธก็คือ "การสวดมนต์" หรือนั่งสมาธิ ทำสมาธิ ก็ได้ ไม่ต้องเสียเงินทองอะไร ทำได้ทันที ทำได้ทุกที่ ทุกเวลาที่มีโอกาส
แล้วเราต้องการให้สว่าง สะอาด ใส มากเท่าไร คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับเราเอง...
บุญหรือคลื่นพลังงานบริสุทธิ์ ทำงานอย่างไร ?
คลื่นพลังงานบริสุทธิ์ คือบุญ ก็เหมือนพลังงานไฟฟ้า ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่ทำงานได้ คือทำให้หลอดไฟสว่างขึ้น พัดลมหมุนได้ หุงข้าวได้
ส่วนพลังงานบริสุทธิ์ที่เป็นบุญ ก็ทำงานได้เช่นกัน เมื่อใจผู้ใด มีพลังงานบริสุทธิ์เข้าไปได้มากและต่อเนื่อง ในใจก็จะเหลือพลังงานที่ตรงข้ามน้อยลงไปเรื่อย ๆ แต่ไม่รู้จะหมดเมื่อไร คือหมดก็เข้าพระนิพพานได้ ในระหว่างทางที่ใจยังไม่หมดกิเลสหรือพลังงานบุญยังขับไล่ไม่หมด ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไป จนกว่าจะหมด
ระหว่างที่ยังไม่หมด ถ้ากระแสความสว่างเดินไม่ต่อเนื่อง ก็เหมือนกระแสไฟฟ้าที่ติด ๆ ดับ ๆ ชีวิตเราก็เช่นกัน ก็สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ถ้ากระแสความบริสุทธิ์ไหลเข้าต่อเนื่อง ชีวิตก็จะมีความสุข สำเร็จมากขึ้น
นั่นน่ะสิ ทำไม วัดพระธรรมกาย จึงเน้นเรื่องความสะอาดมาก ๆ เพราะถ้าสะอาดมากเท่าไร ก็แสดงถึงใจที่สะอาดด้วยเช่นกัน เพราะใจสั่งกายให้ทำสะอาดนั่นเอง
หมดข้อสงสัยแล้ว ทำไม คนจึงไปทำบุญที่วัดนี้เยอะ เพราะความสะอาดนี่เอง ดึงดูดความสุขความสำเร็จ
พอเขาทำบุญได้ เขาสบายใจ นั่นแหละบุญก็เกิดขึ้นกับใจเขาแล้ว กระแสตระหนี่ที่เป็นสิ่งสกปรกในใจก็ลดน้อยลงไป
ตอนนี้เลยหมดคำถามแล้ว ว่าทำไม ?? ชาวพุทธต้องสวดมนต์ทุก ๆ วัน สวดมากเท่าไรยิ่งดี ใจจะได้สะอาดบริสุทธิ์ เพราะการสวดมนต์ก่อให้เกิดสมาธิ ทำให้ใจหยุด ใจนิ่ง เมื่อใจหยุด ใจนิ่ง ปลอดสิ่งกังวล ใจไม่มีภาระที่ต้องแบก ใจก็เบา สบาย และมีความสุข สิ่งดี ๆ ก็ถูกดึงดูดเข้ามา
ไปสวดมนต์ธรรมจักรกันบ่อย ๆ และเป็นประจำเพื่อให้กระแสพลังงานบริสุทธิ์เข้าสู่จิตใจของเรากันเยอะ ๆ สวดนาน ๆ ด้วยนะครับ
เนื้อนาบุญของโลกหล้าคือ "พระมหาธรรมกายเจดีย์ พระมหาเจดีย์พระพุทธเจ้าล้านพระองค์"
ศิษย์ก้นกุฏิ
23 พ.ค. 2560 เวลา 19.05 น.