"เป้าหมายคือแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ" สุนทรพจน์ระดับโลกของมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก

มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ได้สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ในปี 2545 และได้ออกจากเรียนก่อนจในปี 2548 เพื่อริเริ่มทำธุรกิจนวัตกรรมทางอินเตอร์เนต เป็นผู้สร้าง Facebook ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ครายใหญ่ที่สุดของโลก http://winne.ws/n15923

1.2 พัน ผู้เข้าชม
"เป้าหมายคือแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ" สุนทรพจน์ระดับโลกของมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก

"เป้าหมายคือแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ" สุนทรพจน์ระดับโลกของมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก

มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ได้สมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ในปี 2545 และได้ออกจากเรียนก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาในปี 2548 เพื่อริเริ่มทำธุรกิจนวัตกรรมทางอินเตอร์เนต เป็นผู้สร้าง Facebook ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ครายใหญ่ที่สุดของโลก 

และเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ปี 2560 หรืออีก 12 ปีต่อมา เขาถูกเชิญเข้ารับปริญญากิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และได้ขึ้นพูดสุนทรพจน์ในพิธีสำเร็จการศึกษา โดยฝากข้อคิด ประสบการณ์ และความมุ่งมั่นเอาไว้หลายอย่างในการพูดครั้งนี้

“Purpose” หรือ “เป้าหมาย” คือสิ่งที่เน้นย้ำมากที่สุดในสุนทรพจน์ โดยมาร์คเล่าเรื่องของประธานาธิปดี John F Kennedy ขณะไปที่ศูนย์วิจัยทางอวกาศนาซ่า และพบกับพนักงานทำความสะอาดที่กำลังถูพื้นคนหนึ่งแล้วถามว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่” ชายคนนั้นตอบประธานาธิปดีกว่า “ผมกำลังร่วมส่งคนไปดวงจันทร์” 

เมื่อเรามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ก็จะมีแรงผลักดันให้ตัวเองทำให้ดียิ่งๆขึ้น การกำหนดเป้าหมายไม่เฉพาะเพื่อความก้าวหน้าในการทำงาน แต่ใจที่มีความมุ่งมั่นสู่เป้าหมาย จะทำให้เรามีความสุขในการทำงานได้อย่างแท้จริง

เราต้องหาโปรเจ็กต์ใหญ่ที่มีความหมายต่อชีวิต, แล้วลงมือทำซะ! “ไม่มีใครรู้มาตั้งแต่ตอนเริ่มต้นหรอกว่ามันจะเป็นอย่างไร ความคิดมันไม่ได้ถูกออกแบบไว้แล้ว แต่มันจะค่อยๆ เผยให้เห็นจากการที่คุณลงมือทำ คุณแค่ต้องเริ่มต้นทำมันเท่านั้นเอง”

มาร์คบอกว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการทำ Facebook เป็นอย่างแรก เค้าเคยทำเกมมาก่อน เคยทำระบบ chat และอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ประสบความสำเร็จ คนอื่นก็เช่นกัน JK Rowling ก็เคยโดนปฎิเสธถึง 12 ครั้งก่อนที่จะเป็น Harry Potter หรือแม้แต่ Beyonce ก็ต้องแต่งเพลงเป็นร้อยเพลงกว่าจะได้เพลง Halo คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนได้รับโอกาสที่จะผิดพลาด

“แต่ในสังคมเราทุกวันนี้ เรามักไม่กล้าทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพราะกลัวความผิดพลาด แต่ความจริงคือถ้าเราไม่ลงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย ในอนาคตจะมีปัญหาแน่ แล้วเราจะรออะไร?”

เราอยู่ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ ยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกัน นี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ เมื่อทุกคนอยู่ร่วมกัน เราก็จะสามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ ร่วมกันได้ ช่วยเหลือกันได้โดยไม่ต้องแบ่งว่าประเทศไหนจะเริ่มก่อน ใครจะเป็นคนทำเพราะทุกคนทำร่วมกันทั้งหมด หมดยุคแล้วที่เราจะแบ่งแยกว่าคุณมาจากประเทศไหน คุณเป็นชนชาติอะไร เพราะเราทุกคนต่างเป็นพลเมืองโลก “Citizen of the World”


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

Facebook: MoralBuilding

หรือ Line ID: @MoralBuilding

แชร์