ดีเอสไอ ดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นจนท.ดีเอสไอ ส่วนใหญ่มุ่งโทรรีดทรัพย์นักธุรกิจ

เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา สืบเนื่องจาก น.ส.อรษา พร้อมสามี นายชายแดน มณีทร อายุ 37 ปี และพวกอีก 3 คน ตั้งแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ http://winne.ws/n15942

774 ผู้เข้าชม
ดีเอสไอ ดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นจนท.ดีเอสไอ ส่วนใหญ่มุ่งโทรรีดทรัพย์นักธุรกิจขอบคุณภาพจาก www.tnews.co.th

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็น จนท.ดีเอสไอ โทรรีดทรัพย์นักธุรกิจ-ใช้เทคนิคแปลงสัญญาณอำพรางเบอร์หน่วยงานราชการ

ตำรวจกองบังคับการปราบปราม จับกุมตัว น.ส.อรษา โตยะบุตร หรือ เจ๊เปิ้ล อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี  ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ ร้านอาหารสวัสดิการวิทยาลัยพยาบาลทหารเรือ กองบังคับการกรมแพทย์ทหารเรือ เขตธนบุรี 

เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา สืบเนื่องจาก น.ส.อรษา พร้อมสามี นายชายแดน มณีทร อายุ 37 ปี และพวกอีก 3 คน ตั้งแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และหน่วยงานราชการต่าง ๆ ก่อนพูดจาข่มขู่ผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ ว่าธุรกิจที่ทำอยู่นั้นเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย หากไม่อยากให้ถูกดำเนินคดีหรือตรวจสอบให้ทำการโอนเงินมาให้ ตามบัญชีธนาคารที่ผู้ต้องหากลุ่มนี้ให้ไว้ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกหลายราย 

โดยบางรายถูกหลอกสูญเงินกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมิจฉาชีพกลุ่มนี้ เนื่องจากทุกครั้งที่ทำการก่อเหตุ กลุ่มผู้ต้องหาจะทำการโทรศัพท์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ VOIP แปลงสัญญาณดิจิตอล ซึ่งมีเทคนิคสามารถอำพรางให้แสดงหมายเลขที่โทรเข้าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขใดก็ได้ ให้ปรากฎไปยังโทรศัพท์ของผู้รับปลายทาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI หมายเลข 02-8319888  หรือเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานราชการต่างๆ จึงทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดี  

ดีเอสไอ ดำเนินคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นจนท.ดีเอสไอ ส่วนใหญ่มุ่งโทรรีดทรัพย์นักธุรกิจขอบคุณภาพจาก TrueLife News

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองปราบปราม จับกุมตัว นายชายแดน สามีของผู้ต้องหารายนี้ ได้ที่ บริเวณย่านสถานีรถไฟหนองคาย ก่อนจะขยายผลติดตามจับ น.ส.อรษา และยังเหลือผู้ร่วมขบวนการที่หลบหนีการจับกุมอีก 3 ราย  

ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบอำนาจให้กองกฎหมายไปกล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายกลุ่มนี้เพิ่มเติม ในความผิดเกี่ยวกับการแอบอ้างเป็นเจ้าพนักงาน ทำให้กรมเสื่อมเสียชื่อเสียง และความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 

กรณีนำเข้าข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จด้วยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น พร้อมเตือนประชาชน การติดต่อราชการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย คือจะมีหนังสือเรียกหรือเชิญมาพบเพื่อสอบสวนจะไม่มีการประสานติดต่อผ่านทางการพูดคุยโทรศัพท์อย่างแน่นอน หากมีผู้ใดมีพฤติการณ์โทรศัพท์ติดต่อไปยังท่านและอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือหน่วยราชการใด  ให้ท่านวางสายโทรศัพท์ทิ้ง และจดข้อมูลไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

ที่มา: http://news.voicetv.co.th/thailand/493864.html

แชร์