จดหมายจากแม่ถึงลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "บ่น" กับ "สอน"

ภารกิจงานบุญนั้น เจ้าของงานมักต้องตื่นก่อนนอนทีหลังอยู่แล้ว เป็นงานที่ไม่เหมือนงานประจำข้างนอกที่เขาทำกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นงานออฟฟิศ ไปเช้าเย็นกลับ แต่งานบุญของที่วัด ที่แม่เคยไปร่วม บางครั้งเจ้าของงานแทบไม่ได้นอนก็มี http://winne.ws/n16262

1.6 พัน ผู้เข้าชม
จดหมายจากแม่ถึงลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "บ่น" กับ "สอน"แหล่งภาพจาก m.dmc.tv

สวัสดีค่ะ ลูกรัก

       วันนี้ แม่มีความรู้สึกอยากจะคุยกับลูกอีกสักเรื่อง อย่าพึ่งเบื่อแม่นะคะ เพราะแม่ก็รู้ว่าลูกงานเยอะ นอนก็ไม่เป็นเวลา เพราะภารกิจงานบุญนั้น เจ้าของงานมักต้องตื่นก่อนนอนทีหลังอยู่แล้ว เป็นงานที่ไม่เหมือนงานประจำข้างนอกที่เขาทำกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นงานออฟฟิศ ไปเช้าเย็นกลับ แต่งานบุญของที่วัด ที่แม่เคยไปร่วม บางครั้งเจ้าของงานแทบไม่ได้นอนก็มี แม่อนุโมทนาสาธุกับลูกและเพื่อน ๆ ด้วยนะจ๊ะ

       ยิ่งงานเยอะก็ยิ่งได้บุญเยอะตามมาด้วย เพราะเป็นงานบุญ เป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จัก ที่มีรู้บ้างก็เพียงน้อยนิด ถ้าเทียบกับคนทั้งหมดบนโลกใบนี้

        แม่อยากคุยกับลูกเรื่องที่เกี่ยวกับผู้คนที่นี่แหละจ้ะ เพราะเราต้องอยู่กับคนใช่ไหม? 

        ช่วงนี้ จะมีคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่ชอบคิดว่า วัดและพระควรอยู่ในป่า อยู่ในที่หมอง ๆ  ไม่ต้องอยู่ในที่เจริญ หรือแม้แต่ไฟฟ้าก็อาจจะไม่ต้องใช้กันเลยทีเดียว 

        ส่วนใหญ่คนมักคิดแบบนั้น เพราะเรียนรู้ประวัติพระพุทธศาสนามาแบบนั้น ว่ามีพระพุทธเจ้าสละสมบัติ เสด็จออกบวชในป่า พระหรือวัดไม่ควรจะมีเงินทองมาก อยู่แบบโดดเดี่ยว แสวงหาธรรมะ เพียงในป่า..ซึ่งก็ไม่ผิดนะ แต่เขายังเรียนรู้พระพุทธศาสนาไม่หมดมากกว่าค่ะ ภาพเหล่านั้นก็เลยติดมาว่า พระหรือวัดในเมืองไม่ทำตามพระพุทธเจ้าซะงั้น ก็ไม่เป็นไรนะคะ ที่เขาจะเข้าใจแบบนั้น เพราะรู้มาแบบนั้น 

จดหมายจากแม่ถึงลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "บ่น" กับ "สอน"แหล่งภาพจาก DMC.tv

       เมืองไทยมีบุญมาก ที่มีวัดสวยงามมากมายในป่า และบนเขาสูง ๆ สร้างสวยงามน่าไปท่องเที่ยว เป็นบางครั้งบางโอกาส แต่งานศาสนา ต้องอยู่กับคนเยอะ ๆ เพราะการเผยแผ่ธรรมะ ต้องเผยแผ่ไปที่ผู้คน มิใช่อยู่เฉพาะในป่า อาจจะเป็นคล้ายสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อพักผ่อนหย่อนใจเป็นบางเวลากับผู้ที่อยู่ไกล ๆ แต่วัดทุกวัดก็จะเป็นประโยชน์กับคนที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นเป็นหลักใช่ไหมคะ

       วัดพระธรรมกายที่แม่รู้จัก อยู่ชานเมือง ก็ไม่ไกลจากเมืองหลวงคือกรุงเทพ ซึ่งคนเวลาเดินทางไปทำงานและเดินทางไปวัดก็ใช้เวลาไม่มาก ทำให้ไม่เสียเวลามาก ก็น่าจะสะดวกแล้วนะคะ เพราะการสั่งสมบุญ ควรทำทุก ๆ วัน ทั้งเวลาไปวัดและอยู่ที่บ้าน 

       นาน ๆ ครั้งก็อาจเดินทางไปวัดต่างจังหวัดไปสัมผัสธรรมชาติที่สดชื่นบ้าง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เลย ที่พระพุทธศาสนา มีสถานที่รองรับพี่น้องชาวพุทธคือวัด ทั้งใกล้บ้านและไกล ๆ เวลาต้องการเดินทางไปพักผ่อน ช่างเป็นบุญของคนไทยจริง ๆ เลย

จดหมายจากแม่ถึงลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "บ่น" กับ "สอน"

        วันนี้ แม่บอกลูกว่า จะคุยเรื่องเกี่ยวกับคน หมายถึง คนที่พักด้วยกันค่ะ เห็นลูกและเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ จำนวนมากพักรวมกัน ก็รู้สึกดีใจที่พักกันได้ เพราะระบบดี เท่าที่ทราบ มีความเคารพกันตามภันเต ใช่ไหมคะ ซึ่งคล้าย ๆ กับพระและสามเณรเลยนะ ที่แม่ทราบมา เขาเคารพเชื่อฟังกันตามภันเต หายากมากในองค์กรต่าง ๆ คงแทบไม่มี นอกจากวัดในพระพุทธศาสนาเกือบทุกนิกาย หรือเปล่า?

        แม้ว่าลูกแม่จะเป็นลูกสาวคนเดียว ไม่มีพี่น้อง แต่เวลาที่ลูกเข้าไปอยู่ในวัดรวมกัน ลูกต้องเป็นพี่ของน้อง ๆ ที่ตามมาภายหลังด้วย และเป็นน้องของพี่ ๆ ที่เข้ามาก่อน จริงไหมคะ ฟังดูเหมือนจะไม่มีอะไรนะ

        แต่แม่จำคำสอนของคุณยายฯ ได้เรื่องหนึ่งนะ คือ "ยายจะอ่อนน้อมเสมอ ยายจะยกมือไหว้คนอื่นก่อนเสมอ ไม่ว่าเขาจะมาวัดใหม่ หรือมานานแล้วก็ตาม" แม่ชอบมากเลยค่ะ แสดงว่าคุณยายฯ ท่านไม่มีทิฐิมานะ เลยนะคะ แม้ท่านจะเป็นถึงผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกายก็ตาม

        อีกคำหนึ่งที่แม่ได้ยินคำสอนของคุณยายฯ คือ "อย่าไปดุน้อง ต้องพูดดี ๆ กับน้อง ๆ ที่มาช่วยงานในภายหลัง เพราะน้องเขาไม่รู้ ก็ต้องบอกต้องสอนเขาไป ภายหลังเราขอให้เขาช่วยอะไร เขาก็จะเต็มใจช่วยเรา" แม่ชอบคำสอนคุณยายฯมากเลยจ้ะ

จดหมายจากแม่ถึงลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "บ่น" กับ "สอน"

       อีกท่านหนึ่งที่ชอบสอนและพร่ำสอนศิษย์มาก ๆ เลยคือ หลวงพ่อทัตตชีโว ต้องใช้คำว่าพร่ำสอนเลยนะ เพราะท่านเห็นอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร ท่านจะต้องบอกต้องสอนทันที แถมยังไปค้นคว้าหลักธรรมะต่าง ๆ มาบอกมาสอนศิษย์ให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เพิ่มอีกด้วย

        ทีนี้ แม่จะขอทำความเข้าใจเพิ่มนิดนึงนะคะ กับคำว่า "สอน" "พร่ำสอน" กับ "บ่น" น่ะไม่เหมือนกัน และผลที่ออกมาก็ไม่เหมือนกันด้วยค่ะ

คำว่า "สอน" ก็สอนไปตามความรู้ที่มี เช่นครูสอนเด็ก พ่อแม่สอนลูก พี่สอนน้อง 

แต่คำว่า "พร่ำสอน" นั้น ก็มีอาการเหมือนกัน แต่จะบ่อยกว่าถี่กว่า การสอนเพียงอย่างเดียว 

       ทีนี้มาดูคำว่า "บ่น" แตกต่างจากคำว่า "พร่ำสอน" นะคะ ถ้าเราพูดพร่ำเพรื่อไม่เป็นหลักการ ปนอารมณ์ที่ไม่พอใจ ขุ่นเคืองใจไปด้วย อันนี้ เรียกว่า "บ่น" นะคะ ไม่ใช่พร่ำสอน เพราะสอนและพร่ำสอน จะต้องมีหลักการพร้อมด้วยเหตุและผล แฝงด้วยความเมตตาและจริงใจผสมอยู่ด้วยเสมอ ถ้าสอนแบบไม่ตั้งใจ ก็เรียกว่า "บอก" เพียงอย่างเดียว จะมีผลเป็นอย่างไร ก็อาจไม่ค่อยสนใจ จริงไหมคะ

จดหมายจากแม่ถึงลูกสาวที่อยู่วัดพระธรรมกาย ตอน "บ่น" กับ "สอน"

        แม่เชื่อว่า ลูกแม่คงเป็นพี่ที่ดีของน้อง ๆ อยู่แล้ว ทำเหมือนที่หลวงพ่อ คุณยายฯ คอยสอน พร่ำสอนลูกศิษย์อย่างไม่รู้เบื่อหน่ายเป็นตัวอย่างให้เห็นบ่อย ๆ แต่ที่เขียนมาเพราะเห็นลูกต้องมีงานที่ค่อนข้างหนักและเหนื่อย และยังมีกฎระเบียบการอยู่ร่วมกัน ทั้งกิจกรรมประจำวันก็ต้องเคร่งครัดกว่าอยู่ที่บ้านตามลำพัง ก็อาจจะทำให้พลั้งเผลอได้ ในบางครั้ง เมื่อลูกเหนื่อย..แม่ก็ฝากให้ลูกคิดถึงความหนักและเหนื่อยของครูบาอาจารย์ของเรา ที่ท่านต้องแบกงานพระศาสนาทั้งหมดไว้ แล้วลูกจะได้มีกำลังใจค่ะ

        ดังคำสอนของคุณยายฯ ที่ว่า "งานสร้างบารมีไม่ใช่ของง่าย ต้องอดทน ฟันฝ่า และยอมลดมานะทิฐิอย่างมาก จึงจะสำเร็จและอยู่ได้ค่ะ ไม่เช่นนั้นยายก็สร้างวัดไว้ให้เราสร้างบุญบารมีไม่ได้"

แม่ขอกราบอนุโมทนาบุญกับลูกคนเก่งและดีของแม่และเพื่อน ๆ และหมู่คณะของลูก ๆ ด้วยนะคะ

รักคิดถึงและห่วงใยเสมอ

สะเดาหวาน

9 มิถุนายน 2560 เวลา 16.18 น.

แชร์