เผย..คำสอนแบบนี้หรือ ที่ใครบางคนบอกว่า "ผิดและบิดเบือน!"
ก่อนที่คุณครูจะเข้ามาสอนในชั่วโมงแรก เสียงหัวหน้านักเรียนชั้น ม.3/4 ในโรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง ประกาศบอกกับเพื่อนๆ ในห้องเรียน พร้อมกับแบมือเดินไปทุกโต๊ะ "กู ทำด้วย" "นี่มึงทำตั้ง 5 บาทเลยเหรอ" http://winne.ws/n16474
"อ้าววว ใครจะทำบุญกฐินบ้าง???"
เสียงหัวหน้านักเรียนชั้น ม.3/4 ในโรงเรียนวัดแห่งหนึ่ง ประกาศบอกกับเพื่อนๆ ในห้องเรียน พร้อมกับแบมือเดินไปทุกโต๊ะ
ก่อนที่คุณครูจะเข้ามาสอนในชั่วโมงแรก
แต่ละคนก็ควักเหรียญออกมาทำบุญ 50 สตางค์บ้าง 1 บาทบ้าง มีอยู่คนหนึ่งชื่อ "วินัย" มีผิวดำ ลุกออกจากโต๊ะ ยิ้มฟันขาว เอาเงินมาใส่ในมือหัวหน้าชั้น
"กู ทำด้วย" "นี่มึงทำตั้ง 5 บาทเลยเหรอ"
หัวหน้าชั้นคิดในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ตกเย็นของวันนั้น หัวหน้าชั้นพูดกับเพื่อนที่สนิทกัน
"ทุกทีที่ครูบอกให้กูเรี่ยไรบอกเพื่อน ๆ ให้ทำบุญ กูก็ทำตามครูบอก แต่กูไม่เคยทำหรอกนะ 555"
หัวหน้าชั้นพูดด้วยความภูมิใจ ในความฉลาดที่แสนจะโง่ซะ ซึ่งเด็กนักเรียนหัวหน้าชั้นคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
เป็นผู้เขียนเอง....
3 ปีต่อมา (พ.ศ.2529) ผู้เขียนอยู่ชั้น ปวช.3 เพื่อนอีกคนหนึ่ง เอาวารสารกัลยาณมิตรของวัดพระธรรมกายฉบับที่ 1 มาให้
ในนั้นมีโอวาทวันปีใหม่ของหลวงพ่อธัมมชโย 2 หน้ากระดาษ มีอยู่ท่อนหนึ่ง ท่านบอกว่า
"ดำรงสถานะของ "ผู้ให้" ไว้เสมอ
ช่างเตะตา เตะใจ อย่างแรง "ทำไมคนเราต้องยอมเป็นคนเสียเปรียบด้วย" ผู้เขียนคิด
แล้วไอ้เพื่อนคนนั้นมันก็ขยันเอาเรื่องราว บทเทศน์ บทสอนของวัดพระธรรมกายมาให้ผู้เขียนอยู่เรื่อย ๆ
"คนเราโตมากับการให้" คำสอนหนึ่งของวัดพระธรรมกาย
ที่ไอ้เพื่อนคนนี้เอามาให้
"ลองคิดดูสิ เราเกิดมาไม่มีอะไรติดตัวแม้แต่เสื้อผ้า ถ้าพ่อแม่ไม่ให้นม ไม่ให้ข้าว ไม่ให้เสื้อผ้า ไม่ให้ที่อยู่ ไม่ให้การศึกษา เราจะรอดและฉลาดมาถึงทุกวันนี้ไหม"
ได้ยิน ได้ฟัง ข้อมูลแบบนี้มากเข้า ๆ ความคิดชักเริ่มเปลี่ยน แล้วไอ้เพื่อนคนนี้ มันก็ยังชวนผู้เขียนไปนั่งสมาธิกับมันอีก ไม่ได้นั่งเงียบ ๆ เพราะเปิดเสียงนำนั่งสมาธิของหลวงพ่อธัมมชโยไปด้วย
ในที่สุดก็หลวมตัวมางานทอดกฐินของวัดพระธรรมกายกับมัน ในปีนั้น (2529) ปีต่อไป (2530) และอีกปีถัดไป (2531) ซึ่งเป็นกฐินประวัติศาสตร์ของวัดพระธรรมกาย เพราะเป็นครั้งแรกคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เป็นประธานใหญ่
คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูงผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
วันนั้น ผู้เขียนซึ่งยังเป็นเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี เดินเข้าไปในเต้นท์รับบริจาค ควักแบงค์ 100 ออกมาจากกระเป๋าเงิน เอาสองมือประกบแบงค์ในท่าประนมมือ แล้วยกจบศีรษะนึกในใจว่า
"ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยทำบุญมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต"
พอยื่นเงินให้เจ้าหน้าที่ "อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ" เสียงใส ๆ ของเจ้าหน้าที่รับบริจาคก็ดังขึ้น ก่อนที่จะรับเงินของผู้เขียนซะอีก
ความสุขที่บอกไม่ถูกก็เกิดขึ้นมาในใจ
ทุกวันนี้ ผู้เขียน สามารถทำบุญได้มากกว่าวันนั้นมากมาย แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่จะสุขใจเหมือนวันนั้น
หากหลับตาทำสมาธิแล้วนึกบุญนั้นทีไร ก็จะสุขใจทุกครั้ง ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
จนกระทั่งหลายปีต่อมา นำโอวาทปีใหม่ 2529 ของหลวงพ่อธัมมชโย มาอ่านทบทวนอีกครั้ง ถึงได้เข้าใจ เพราะคำว่า
"ดำรงสถานะของ "ผู้ให้" ไว้เสมอ" จะมีคำต่อท้ายที่ต่อจากนั้นว่า
"เมื่อนั้น ความปีติโสมนัส จะบังเกิดขึ้นแก่ใจ"
Cr.สุภคฺโค ภิกฺขุ
11 มีนาคม 2559