วัดระฆังฯจัดงานใหญ่ วันคล้ายวันมรณภาพครบ 145 ปี หลวงพ่อโต พรหมรังสี

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย. วันคล้ายวันมรณภาพครบ 145 ปี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)วัดระฆังจัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย และอดีตบุรพาจารย์แห่งวัดระฆัง ณ ศาลาการเปรียญ เริ่มพิธีเวลา 13.00 น. เป็นต้นไป http://winne.ws/n16547

2.8 พัน ผู้เข้าชม
วัดระฆังฯจัดงานใหญ่ วันคล้ายวันมรณภาพครบ 145 ปี หลวงพ่อโต พรหมรังสี

ในวันที่ 22 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ เป็นวันคล้ายวันมรณภาพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หรือที่พุทธศาสนิกชนนิยมเรียกว่า “สมเด็จโต” หรือ "หลวงพ่อโต" ซึ่งท่านเป็นพระมหาเถระรูปสำคัญที่ได้รับความเคารพศรัทธานับถืออย่างมากในประเทศไทย แม้ว่าจะมรณภาพไปนานถึง 145 ปีแล้วก็ตาม แต่เรื่องราวของท่านยังคงเป็นที่เล่าขาน               อีกทั้ง “พระคาถาชินบัญชร” อันเป็นบทสวดมนต์บทหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยนิยมสวดมากที่สุดนั้น เชื่อกันว่า สมเด็จโตเป็นผู้ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ขึ้นจากฉบับเดิมที่สันนิษฐานว่าพระเถระชาวล้านนาเป็นผู้แต่งและใช้เป็นพระคาถาสำคัญในพิธีกรรมตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา และพระเครื่อง “พระสมเด็จ” ที่สมเด็จโตสร้างขึ้นก็ถือเป็นสุดยอดวัตถุมงคล เป็นหนึ่งในพระเบญจภาคี หรือสุดยอดพระเครื่องหายากและราคาแพงที่สุดในวงการพระเครื่องไทย 

 “วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร”  หรือเรียกสั้นๆ ว่า “วัดระฆัง” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับท่าช้าง หรือตรงข้ามกับบริเวณพระบรมมหาราชวังนั่นเอง การเดินทางมายังวัดระฆังทางเรือจึงสะดวกสบายมาก สามารถนั่งเรือข้ามฟากมาจากท่าช้าง หรือจะนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าวังหลังแล้วเดินต่อมายังวัดระฆังก็ได้ ซึ่งเป็นวัดที่สมเด็จโตเคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสของในช่วงรัชกาลที่ 4-5 โดยเป็นเจ้าอาวาสครองวัดระฆังโฆสิตารามยาวนานถึง 20 ปี                   

วัดระฆังฯจัดงานใหญ่ วันคล้ายวันมรณภาพครบ 145 ปี หลวงพ่อโต พรหมรังสีหอระฆังพร้อมทั้งระฆัง 5 ลูก

หอระฆังพร้อมทั้งระฆัง 5 ลูก

วัดระฆังมีชื่อเดิมว่า “วัดบางหว้าใหญ่” เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดระฆังภายหลังในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 เมื่อมีการขุดพบระฆังลูกหนึ่งซึ่งมีเสียงไพเราะมาก ซึ่งต่อมารัชกาลที่ 1 ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้นำระฆังลูกนั้นไปไว้ที่วัดพระแก้ว และโปรดให้สร้างหอระฆัง พร้อมทั้งระฆังอีก 5 ลูกไว้ให้แทน จึงเป็นที่มาของชื่อ “วัดระฆัง” นั่นเอง              หากอยากมากราบหลวงพ่อโตที่วัดระฆัง ต้องไปที่

วัดระฆังฯจัดงานใหญ่ วันคล้ายวันมรณภาพครบ 145 ปี หลวงพ่อโต พรหมรังสี “พระวิหารสมเด็จ”

 “พระวิหารสมเด็จ” ซึ่งเป็นพระวิหารที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระราชาคณะของวัด นี้ไว้ 3 องค์ ด้วยกัน คือ ซึ่งก็คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งประดิษฐานตรงกลาง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัด เสนีวงศ์) ประดิษฐานทางซ้ายมือ และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) ประดิษฐานอยู่ทางขวามือ ซึ่งทั้งสามท่านนี้เป็นพระภิกษุที่มีคนเคารพนับถืออย่างมาก มีคนเข้ามาสักการะท่านทั้งสามไม่ขาดสาย โดยมีเครื่องสักการะเป็นดอกไม้ มาลัยและหมากพลูต่างๆ  ภายในวิหารมีบทสวดพระคาถาชินบัญชรตัวใหญ่อ่านง่ายไว้ที่ด้านหลังองค์พระและบริเวณผนังด้านข้างให้ผู้ที่เข้ามากราบหลวงพ่อโตได้สวดตามอย่างสะดวก และเมื่อสวดจบแล้วก็จะปิดทองที่องค์ท่านทั้ง 3 เป็นอันเสร็จ              

วัดระฆังฯจัดงานใหญ่ วันคล้ายวันมรณภาพครบ 145 ปี หลวงพ่อโต พรหมรังสีพระอุโบสถของวัดระฆัง

พระอุโบสถของวัดระฆังนี้มีขนาดใหญ่โต ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปเนื้อทองสำริดปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ 4 ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก 3 องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก เล่ากันว่า ครั้งหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ได้ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดว่า “...ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆังพอเข้าประตูโบสถ์พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที...” ด้วยเหตุนี้จึงทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ และมหาปรมาภรณ์ช้างเผือกแด่พระประธานองค์นี้เป็นพิเศษ 

 อีกอย่างที่น่าชมก็คือภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถที่รังสรรค์โดยเสวกโท พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง) จารุวิจิตร ซึ่งเป็นจิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 6 เขียนขึ้นเมื่อ พ.ศ.2465 ภาพบนผนังด้านหน้าพระประธานเป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ และภาพเดียรถีย์ท้าแข่งรัศมีกับพระพุทธองค์ ส่วนด้านหลังเป็นภาพพระมาลัยขณะขึ้นไปนมัสการพระมหาจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ผนังด้านข้างเบื้องบนเขียนเป็นรูปเทพชุมนุม ตอนล่างเขียนภาพทศชาติชาดกฝีมืองดงามยิ่งนัก 


วัดระฆังฯจัดงานใหญ่ วันคล้ายวันมรณภาพครบ 145 ปี หลวงพ่อโต พรหมรังสีตำหนักจันทน์ หรือ “หอพระไตรปิฎก”

ตำหนักจันทน์   หรือ “หอพระไตรปิฎก” ซึ่งอยู่ทางด้านข้างของพระอุโบสถ มีรั้วกั้นเป็นสัดเป็นส่วนซ่อนตัวอยู่ในร่มไม้หนา หอไตรนี้เป็นตำหนักไม้แฝด 3 หลัง เดิมเป็นตำหนักและหอประทับนั่งของรัชกาลที่ 1 เมื่อตอนที่ยังเป็นพระราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจนอกฝ่ายขวา ในรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสิน แต่เมื่อต้องเสด็จไปตีเมืองโคราชจึงได้รื้อตำหนักนั้นมาถวายให้เป็นหอพระไตรปิฎกแก่วัดระฆัง หรือวัดบางหว้าใหญ่ในขณะนั้น              

สำหรับใครที่อยากมากราบหลวงพ่อโตในวันคล้ายวันมรณภาพครบ 145 ปี และอยากร่วมทำบุญบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายแด่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และอดีตบุรพาจารย์แห่งวัดระฆังก็สามารถมาร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพกันได้ในวันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย. ณ พระอุโบสถวัดระฆัง อีกทั้งในวันดังกล่าวทางวัดก็มีพิธีวันอาจาริยบูชา โดยมีการสวดพระคาถาชินบัญชรและพิธีมหาพุทธาภิเศก ปิดทองรูปเหมือนเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒนาจารย์ (โต พรหมรังสี) โดยจะเริ่มพิธีเวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ณ ศาลาการเปรียญวัดระฆังโฆษิตาราม สามารถมาเข้าร่วมพิธีกันได้เลย 

 การเดินทางไป “วัดระฆังโฆสิตารามวรวิหาร” ตั้งอยู่บนถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร การเดินทางสามารถนั่งรถประจำทางสาย 19, 57, 83 สามารถนั่งเรือข้ามฟากจากท่าช้างไปยังท่าวัดระฆัง หรือนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาลงท่าวังหลัง แล้วเดินต่อมายังวัดระฆังได้


ขอบคุณ, http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9600000062794

แชร์