ชาวพุทธทำบุญ ทำทาน กันอย่างไร ที่เรียกว่า...แม้ทำน้อยก็ให้ได้บุญมาก ยิ่งทำมากก็ยิ่งได้บุญมาก !!

จากกระแสข่าวเรื่อง ความบกพร่องของวัด รวมถึง มีความต้องการออกกฎหมายควบคุมจัดการทรัพย์สินของพระพุทธศาสนาทุกวัด ทั้งมีการลงตรวจค้นวัดต่าง ๆ ตามที่ข่าวได้ออกมาทุกวันนั้น มาลองดูว่า ชาวพุทธเขามีคำสอนการทำบุญกันอย่างไร http://winne.ws/n16628

1.4 พัน ผู้เข้าชม
ชาวพุทธทำบุญ ทำทาน กันอย่างไร ที่เรียกว่า...แม้ทำน้อยก็ให้ได้บุญมาก ยิ่งทำมากก็ยิ่งได้บุญมาก !!แหล่งภาพจาก manager.co.th

จากหนังสือชื่อ “วิธีสร้างบุญบารมี” ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ได้บอกวิธีให้ทานที่จะให้ผลมากต้องประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ส่วน คือ วัตถุทาน เจตนา ความบริสุทธิ์ของผู้ทำบุญ และ เนื้อนาบุญหรือผู้รับทานนั้น สรุปสั้น ๆ ดังนี้

องค์ประกอบที่ 1  วัตถุทานต้องบริสุทธิ์ (ของบริสุทธิ์)

      วัตถุทาน เช่น  สิ่งของ อาหาร ไทยธรรม แม้แต่ปัจจัย ต้องสะอาด ปราณีต และได้มาด้วยความบริสุทธิ์ ดังนั้น หากฆ่าสัตว์เพื่อถวายอาหารเพลก็ย่อมได้บุญน้อย จนถึงเกือบไม่ได้อะไรเลย หรือถ้าขโมยเงินมาทำบุญ หรือโกงบ้านโกงเมืองมาแล้วทำบุญก็แทบไม่ได้บุญ หรือ หากบังคับเบียดเบียนคนอื่นมาทำบุญก็แทบไม่ได้บุญอะไรเลย รวมถึง พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของแพง ๆ เกินควร ออกเงินกู้ดอกโหด แล้วเอาเงินมาทำบุญ ก็ไม่ค่อยดีนัก

ตัวอย่างยายแฟง

      สมัยรัชกาลที่ 5 มีหัวหน้าสำนักนางโลมชื่อยายแฟง เรียกเก็บส่วนแบ่งจากโสเภณีในสัดส่วน 25 สตางค์ชักไว้ 5 สตางค์และรวมจนได้เงิน 2,000 บาท แล้วนำไปสร้างวัด เมื่อนมัสการถามหลวงพ่อโต วัดระฆัง ว่าจะได้บุญบารมีอย่างไร หลวงพ่อโตตอบว่า ได้แค่ 1 สลึง เพราะวัตถุทานได้มาโดยไม่บริสุทธิ์ เบียดเบียนเจ้าของ

ชาวพุทธทำบุญ ทำทาน กันอย่างไร ที่เรียกว่า...แม้ทำน้อยก็ให้ได้บุญมาก ยิ่งทำมากก็ยิ่งได้บุญมาก !!แหล่งภาพจาก Vitara4x4

องค์ประกอบที่ 2 เจตนาในการให้ทานต้องบริสุทธิ์ (ตั้งใจทำบุญเพื่อเอาบุญอย่างแท้จริง)

       จะเห็นได้ว่าบางคนให้ทานด้วยความโลภ แต่จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งตรงข้ามกับจุดมุ่งหมายการให้ทาน เพราะการให้ทานเป็นการขจัดความโลภ ความตระหนี่ขี้เหนียว และเจตนาจะต้องสมบูรณ์พร้อม 3 ระยะ ก่อนให้ กำลังให้ และหลังให้ ต้องรู้สึกร่าเริง เบิกบาน ยินดีเพื่อให้คนอื่นมีความสุข และให้ได้บุญมากยิ่งกว่านี้ ก็ต้องให้ทานพร้อมมีวิปัสสนาปัญญาใคร่ครวญถึงวัตถุทานว่าเป็นวัตถุธาตุที่มีประจำโลก เป็นสมบัติกลางไม่ใช่เป็นของผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ เกิดขึ้นก่อนเราเกิดและเมื่อเราตายไปก็เอาไปไม่ได้

       นอกจากนี้ ตัวอย่างของเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ เช่นทำบุญเอาหน้า ทำบุญเพื่อหวังชื่อเสียงและผลทางธุรกิจ หรือเพื่อผลทางการเมือง 

องค์ประกอบที่ 3 ผู้ให้บริสุทธิ์ คือ ตัวผู้ให้ทานเองต้องมีศีล 5 เป็นอย่างน้อย

        โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนให้ก็มีจิตใจผ่องใส ชื่นบาน ด้วยการนั่งสมาธิเจริญภาวนา เมื่อกำลังให้ จิตใจก็ผ่องใสอยู่ หลังจากให้แล้ว ก็มีความยินดีและนึกถึงบุญที่เคยทำด้วยความปลื้มปิติ ไม่นึกเสียดายเลย

ชาวพุทธทำบุญ ทำทาน กันอย่างไร ที่เรียกว่า...แม้ทำน้อยก็ให้ได้บุญมาก ยิ่งทำมากก็ยิ่งได้บุญมาก !!แหล่งภาพจาก DMC.tv

องค์ประกอบที่ 4 ผู้รับทานบริสุทธิ์ หรือเนื้อนาบุญ 

       เช่น ให้สัตว์กิน 1 อิ่มก็ได้บุญ ให้คนผู้ไม่มีศีล กิน 1 อิ่มก็ได้บุญ ให้คนที่มีศีล ให้คนที่มีศีลที่บริสุทธิ์มากขึ้น ก็ได้ผลบุญที่ต่างกัน ด้วยเช่นกัน

       ถ้าเป็นพระภิกษุ ก็เป็นพระภิกษุที่หมดกิเลส หรือเป็นพระอรหันต์แล้ว ซึ่งจะทำให้ได้บุญมากเป็นพิเศษ และได้บุญทันตาเห็น คือได้รับผลของทานคือบุญในชาตินี้ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า หรืออย่างน้อยแม้ท่านจะยังไม่หมดกิเลส ก็ต้องเป็นพระภิกษุที่ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่ เพื่อความหมดกิเลส ถ้าผู้รับเป็นคฤหัสถ์ ก็ต้องเป็นคฤหัสถ์ที่มีศีลธรรมอันดี

         พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงวางหลักในการให้ทานไว้อย่างรอบคอบ และยังมีส่วนที่ลุ่มลึกไปตามลำดับอีกด้วย

         กรณีตัวอย่างผลของการให้ทานของบางคน ที่ทรงเล่าประทานแก่พระสงฆ์สาวกของพระองค์อยู่บ่อยๆ เราพบว่าบุญที่เกิดจากการถวายทานจะมีผลมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของการทำทานทั้ง 4 ส่วน ว่าบริสุทธิ์มากน้อยแตกต่างกันอย่างไร

         ถ้าบริสุทธิ์มาก ก็ได้บุญมาก โดยเฉพาะถ้าบริสุทธิ์ มั่นคงมุ่งตรงต่อมรรคผลนิพพานแล้ว จะได้ผลเป็นบุญมากเป็นพิเศษ ชนิดได้ผลทันตาเห็นทีเดียว อยากให้พวกเราไปหาพระไตรปิฎกมาอ่าน ในส่วนที่เป็นพระสุตตันตปิฎก แล้วลองสังเกตดูว่าเป็นอย่างที่หลวงพ่อตั้งข้อสังเกตไว้หรือเปล่านะ (อ้างอิงจาก: หนังสือ วิธีสร้างบุญบารมี และหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา)

       ดังนั้น จะเห็นว่า การที่ชาวพุทธมีศรัทธาและหมั่นทำทาน ช่วยกันสร้างวัด และอุปถัมภ์ค้ำจุนวัดตลอดมานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แบบที่บางคนเข้าใจไม่ถูกต้อง เพราะวัดเป็นที่ฟอกจิตใจของญาติโยมให้สะอาดบริสุทธิ์ ไม่ใช่ที่ฟอกเงินอย่างที่มีบางคนเข้าใจผิด ๆ กัน ให้เลิกคิดได้แล้ว เพราะจะเป็นบาปมหาศาล ที่คิดจะเข้าไปจัดการทรัพย์สินที่มาจากพลังบริสุทธิ์ของญาติโยม ไม่คุ้มกัน กับชีวิต ที่เรามีกันเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

กระดิ่งช่อฟ้า

24 มิถุนายน 2560 เวลา 11.00 น.

แชร์