พระราชินีอังกฤษถูกปชช.โทร.แจ้งความ เพราะพระองค์ทรงไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขณะนั่งรถ

ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 999 ของอังกฤษเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางศูนย์ได้รับโทรศัพท์จากชาวอังกฤษคนหนึ่ง ที่บังเอิญสังเกตเห็นว่า ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จพระราชดำเนินไปเป็น องค์ประธาน http://winne.ws/n16663

738 ผู้เข้าชม
พระราชินีอังกฤษถูกปชช.โทร.แจ้งความ เพราะพระองค์ทรงไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขณะนั่งรถแหล่งภาพจาก กรุงเทพธุรกิจ

สายด่วน 999 ของอังกฤษได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงละเมิดกฎจราจร ด้วยการที่พระองค์ทรงไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขณะเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานเปิดการประชุมรัฐสภา

ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 999 ของอังกฤษเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางศูนย์ได้รับโทรศัพท์จากชาวอังกฤษคนหนึ่ง ที่บังเอิญสังเกตเห็นว่า ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จพระราชดำเนินไปเป็น องค์ประธานในการเปิดประชุมรัฐสภา พระองค์ทรงไม่คาดเข็มขัดนิรภัย โดยชาวอังกฤษรายนี้จึงตัดสินใจโทรศัพท์มายังสายด่วน 999 เพื่อแจ้งความ เนื่องจากเขามองว่า สมเด็จพระราชินีทรงกระทำผิดกฎจราจรอย่างชัดเจน และพระองค์ควรได้รับโทษตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งเหตุได้กล่าว กับชาวอังกฤษที่โทรแจ้งเหตุว่า ทางตำรวจขออภัยที่ไม่ทราบว่า เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น พร้อมกำชับว่า กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเพียงพอต่อการโทรมายังสายด่วน 999 เนื่องจากสายด่วน 999 จะรับแจ้งเหตุฉุกเฉินเท่านั้น

แม้กฎหมายของสหราชอาณาจักร จะบังคับให้ผู้โดยสารที่มีสุขภาพแข็งแรงต้องคาดเข็มขัดนิรภัย แต่ตามรัฐธรรมนูญของสหราชอาณาจักร สมเด็จพระราชินีนาถทรงไม่อยู่ในสถานะที่จะถูกฟ้องร้องด้วยกฎหมายพลเรือนหรือกฎหมายอาญา

ด้านสำนักพระราชวังอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยระบุว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงระมัดระวังในทุก ๆ การกระทำของพระองค์ เพื่อให้ทรงเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

นอกจากนี้ กรณีนี้ ยังทำให้สำนักงานตำรวจนครบาลลอนดอน ออกมาเตือนประชาชนว่า การแจ้งเหตุที่ไม่เร่งด่วนมายังสายด่วน 999 อาจส่งผลให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อย่างเร่งด่วน ไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที พร้อมระบุว่าการกระทำเช่นนี้เป็นอันตรายต่อศักยภาพของตำรวจ ในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน

ที่มา: http://news.voicetv.co.th/world/501568.html

แชร์