ระวัง!"โรคอีสุกอีใส "กับโรค" มือเท้าปาก "ต้องรู้ไว้จะได้รักษาถูกเพราะเหมือนจนแทบแยกไม่ออก
มือเท้าปาก” นั่น มีอาการใกล้เคียงกับอีสุกอีใสมาก จนหลายคนแยกไม่ออก แถมยังเป็นโรคระบาดที่น่ากังวลอีกโรคหนึ่งเช่นเดียวกัน http://winne.ws/n16698
ช่วงนี้ เด็กเล็กๆ ต้องระวังเพราะทั้งเป็นไข้ตัวร้อนเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทั้งโรคหวัดทั้งไอก็มาเป็นระลอก และที่ำคัญคือโรคระบาดที่เรานึกถึงกันและแทบทุกคนจะเคยเป็น “” นั่นคือ “อีสุกอีใส” เชื่อกันว่าหากได้เป็นอีสุกอีใสในตอนเด็ก จะดีกว่าเป็นโรคนี้ตอนโต เพราะโรคนี้เป็นแค่ครั้งเดียวในชีวิต และจะทิ้งตุ่มแผลเป็นตามร่างกายมากมาย หากเป็นตอนเด็กจะหายได้ง่ายหากเป็นตอนโตก็จะหายยากแถมบางทีทิ้งรอยแผลเป็นถาวร
แต่สำหรับโรค “มือเท้าปาก” นั่น มีอาการใกล้เคียงกับอีสุกอีใสมาก จนหลายคนแยกไม่ออก แถมยังเป็นโรคระบาดที่น่ากังวลอีกโรคหนึ่งเช่นเดียวกัน
ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนได้ทราบถึงความแตกต่างระหว่างอีสุกอีใส และมือเท้าปาก มาดูกันเลยค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง โรคอีสุกอีใส และ โรคมือเท้าปากและเชื้อที่พบ
อีสุกอีใส – Varicella (HHV3)
มือเท้าปาก – Enterovirus (Coxsackie)
อายุของผู้ป่วย
อีสุกอีใส – พบได้ทุกวัย ส่วนใหญ่เป็นครั้งเดียวในชีวิต (มีส่วนน้อยที่เป็นมากกว่า 1 ครั้ง)
มือเท้าปาก – มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และสามารถเป็นได้หลายครั้งในชีวิต
ระยะฟักตัว
อีสุกอีใส – 7-20 วัน
มือเท้าปาก – 3-5 วัน
ลักษณะของตุ่มบนผิวหนัง
อีสุกอีใส – ตุ่มน้ำใส คล้ายหยดน้ำกลมๆ บนพื้นแดง ตุ่มกระจาย มีหลายขนาดตั้งแต่เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.1-0.5 มม.
มือเท้าปาก – ตุ่มน้ำในถึงขุ่น ขนาดมักใหญ่ และตุ่มมักรวมกันเป็นกลุ่ม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.2 มม. – 1 ซม.
วิธีป้องกัน
อีสุกอีใส – ฉีดวัคซีน (เชื้อเป็น) หลังสัมผัส 5 วัน
มือเท้าปาก – ไม่มีวัคซีน รักษาความสะอาด กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร ควรได้รับการวินิจฉัย และวิธีรักษาอย่างถูกวิธีจากคุณหมอนะคะ อย่าซื้อยามาทานเองเด็ดขาด เพราะเราอาจวินิจฉัยโรคผิด หรืออาจยิ่งทำให้อาการป่วยหนักไปกว่าเดิม หากถึงมือหมอได้ทันท่วงทีแล้ว โรคเหล่านี้ก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด รักษาหายได้แน่นอนค่ะ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก