"ชาวพุทธตั้ง "พรรคการเมือง"บทความพิเศษจาก"ริ้วผ้าเหลือง"

ทั้งหมดคือปรากฎการณ์ความตื่นตัวการก่อเกิดอุดมการณ์ร่วมของชาวพุทธในประเทศไทย จึงเป็นมูลเหตุสำคัญที่ว่ามีกระแสข่าวชาวพุทธกลุ่มหนึ่งกำลังขับเคลื่อนเพื่อปูทางจัดตั้งพรรคการเมือง http://winne.ws/n17264

2.1 พัน ผู้เข้าชม
"ชาวพุทธตั้ง "พรรคการเมือง"บทความพิเศษจาก"ริ้วผ้าเหลือง"

ท่าทีของ “องค์กรชาวพุทธ” ทั้งที่ตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการหรือถูกตั้งขึ้นมาแบบเฉพาะกิจก็ตาม เกือบทุกกลุ่มตอนนี้เก็บ “อาการไม่อยู่” เพราะสถาบันสงฆ์ถูกมรสุมพายุท่ามกลางฤดูฝนแบบ “กระหน่ำ” โหมใส่อย่างไม่หยุดยั้งจากคนที่รู้เรื่อง “พระธรรมวินัย” บ้าง จากคนที่ไม่เคยสัมผัสกับกลิ่นอาย “วัด” บ้าง

ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา และ ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา

"ชาวพุทธตั้ง "พรรคการเมือง"บทความพิเศษจาก"ริ้วผ้าเหลือง"

ตอนนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่า อาจมี “ชาวพุทธ”  กลุ่มหนึ่งที่ใกล้ชิดกับสถาบันสงฆ์ตั้ง “พรรคการเมือง”

สังเกตความเคลื่อนไหว สองนักรบประจัญบานหน่วยกล้าตายอย่าง ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา และ ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา ที่ยังเหนียวแน่น ในขับเคลื่อนเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาและสถาบันสงฆ์

กรณ์ มีดี นายกสมาคมทางสายกลางและ ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ประธานสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย

"ชาวพุทธตั้ง "พรรคการเมือง"บทความพิเศษจาก"ริ้วผ้าเหลือง"

พิจารณาบทบาทของ ดร.บรรจบ บรรณรุจิ  ประธานสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ที่ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงพระสังฆาธิการทั่วประเทศ ขอให้ช่วยส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่รัฐปฎิบัติต่อวัดและพระสงฆ์ ด้วยจิตเมตตาและมีความเคารพ อันเนื่องมาจากปัจจุบันวัดสำนักสงฆ์ หลายแห่งถูกปิด พระสงฆ์ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าบุกรุกที่ดินของรัฐ ทั้งๆ ที่วัดบางแห่งมีอายุนับ 100 ปี พร้อมกับชูประเด็น “กู้พุทธ ฟื้นชาติ ป้องราชันย์ พวกเราคือชาวพุทธ” หรือแม้กระทั้งออกหนังสือ “พระพุทธศาสนาอยู่ได้ ทุกสถาบันอยู่รอด”

สอดคล้องกับ กรณ์ มีดี นายกสมาคมทางสายกลาง ที่โพสข้อความ “ใช้หลักนิติศาสตร์ พิฆาตสังมณฑล” ที่พระสงฆ์ไม่ว่าจะเป็นพระป่า พระเมือง พระกรุง ถูกเจ้าหน้าที่รัฐบังคับใช้กฎหมายภายใต้มาตรฐานเดียวกันถ้วนหน้าก็ดี

ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน

"ชาวพุทธตั้ง "พรรคการเมือง"บทความพิเศษจาก"ริ้วผ้าเหลือง"

หรือแม้กระทั้ง ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์  ตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินส่งจดหมายถึงสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ประสานกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานความมั่นคงอื่น ๆ ที่เข้าไปตรวจสอบวัด และพระสงฆ์ ต้องอาศัยคนมีความรู้ “พระธรรมวินัย” ไม่ใช่ใครก็ทำได้

ทั้งหมดคือปรากฎการณ์ “ความตื่นตัว” การก่อเกิด “อุดมการณ์ร่วม” ของชาวพุทธในประเทศไทย...จึงเป็นมูลเหตุสำคัญที่ว่า มีกระแสข่าวชาวพุทธกลุ่มหนึ่งกำลังขับเคลื่อนเพื่อปูทางจัดตั้ง “พรรคการเมือง”

และแน่นอนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระเมธีธรรมาจารย์” ไม่เกี่ยวข้องกับ “หลวงปู่พุทธอิสระ”  ไม่เกี่ยวข้อง “วัดพระธรรมกาย” และทั้งไม่เกี่ยวข้องกับ “สถาบันสงฆ์”

"ชาวพุทธตั้ง "พรรคการเมือง"บทความพิเศษจาก"ริ้วผ้าเหลือง"

แต่เป็นแนวคิดของชาวพุทธที่มีจิตสำนึกความตื่นตัวล้วน ๆ ประกอบด้วย อดีตมหาเปรียญอดีตศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง และอาจมี “ชาวพุทธ” บางคนที่เห็นด้วยเข้าร่วม เพื่อที่จะเข้าสู่เวทีการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ในการขับเคลื่อนนโยบาย “กู้พุทธ ฟื้นชาติ ป้องราชันย์ พวกเราคือชาวพุทธ”

และนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีกระแสข่าว “ชาวพุทธ” จะตั้งพรรคการเมือง และมิใช่ครั้งแรกที่ อดีตเปรียญทั้งหลายต้องการเข้าไปยังสภาหินอ่อน อดีตเปรียญรุ่นพี่ไม่ว่าจะเป็น กุเทพ ใสกระจ่าง ที่ล่วงลับไปแล้วหรือ วันชัย สอนศิริ, นคร มาฉิม, ดร.บุญทัน ดอกไธสง และดุสิต โสภิตชา ซึ่งล้วนผ่านเวทีการเมือง และได้ดีเพราะกิน “ข้าวก้นบาตร” มาแล้วแทบทั้งสิ้น

ปรากฏการณ์ที่ “ชาวพุทธ” ลุกขึ้นมาเพื่อตั้งพรรคการเมืองในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอย่างเป็นทางการและชูนโยบาย “แบบอนุรักษ์นิยม” เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ก็มีให้เห็นในบางประเทศที่ใกล้ประเทศไทย

ส่วนประเทศไทยหากไม่นับ “พรรคเพื่อฟ้าดิน”  ของเครือข่ายกลุ่มสันติอโศกด้วยแล้ว ในบรรดา 71 พรรคการเมืองที่จดทะเบียนไว้กับ กกต. ยังไม่มีพรรคใดที่มีนโยบายชัดเจนเพื่อปกป้องและคุ้มครองพระพุทธศาสนา ไม่มีพรรคการเมืองใดที่กล้าประกาศว่า “จะถวายอกให้กับพระพุทธศาสนา”

"ชาวพุทธตั้ง "พรรคการเมือง"บทความพิเศษจาก"ริ้วผ้าเหลือง"

ความตื่นตัว การขับเคลื่อนไหวของกลุ่ม “ชาวพุทธ” เพื่อตั้งพรรคการเมืองกลุ่มนี้ “ล็อคเป้า” สมาชิกพรรคการเมืองไปที่ ชมรมชาวพุทธตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ สมาคมชาวพุทธที่มีอยู่ทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ผนึกกำลังกับอดีตมหาเปรียญ ศิษย์เก่าแห่งมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง และชาวพุทธแท้ ดีไม่ดีอาจมี “หัวคะแนน” พรึบทั่วประเทศ โดยไม่ร้องขอ “ค่าตอบแทน” 

วันนี้ทราบแต่ว่า “รอแต่คนนำทัพ”

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย “เปรียญ10” [email protected]

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/article/513043

www.google.co.th

แชร์