กินเงินทอนพระ พระไม่ได้ทำแต่ฆราวาสหัวดำในสำนักพุทธทำกันเองทั้งนั้น

คนที่ ป.ป.ช.ให้ความสนใจในการตรวจสอบมิใช่ พระสงฆ์หากแต่เป็น “ข้าราชการ” เป็นคน “หัวดำ” ไม่ใช่คน “หัวโล้น” เพราะว่า ต้นตออย่างแท้จริง มาจาก ข้าราชการ ในสังกัดสำนักพุทธ วัดเสมอเป็นเพียง “ปลายน้ำ” http://winne.ws/n17382

1.0 พัน ผู้เข้าชม
กินเงินทอนพระ พระไม่ได้ทำแต่ฆราวาสหัวดำในสำนักพุทธทำกันเองทั้งนั้น

กรณี “เงินทอน” อันเกี่ยวกับงบประมาณวัดกำลังดำเนินไปเหมือนกับกรณี “รถหรู” อึกทึกครึกโครมในตอนต้นแต่ในที่สุดก็จะค่อยๆ เงียบหาย อย่างชนิดที่สำนวนอีสานระบุอย่างมองเห็นภาพ และได้ยินเสียงนั่นก็คือ “มิดอิมซิม”

อาการเงียบหายของกรณีรถหรู วัดจากความอึกทึกครึกโครมซึ่งเคยพุ่งเป้าไปยัง วัดปากน้ำภาษีเจริญ แล้วเป็นยังไงเมื่อมีคำพิพากษาของศาล

 กรณีของ “เงินทอน” ก็เช่นเดียวกัน ล้วนเริ่มต้นจาก “2 พ.” แล้วก็ค่อยเข้ารูปเข้าร่าง เป้าหมายอยู่ที่คลองหลวง แต่ก็ไปไม่ถึง

ลองไล่เรียงรายละเอียดดู แม้ว่าจุดเริ่มต้นอาจอึกทึกครึกโครมจากวัด ไม่ว่าภาคเหนือ ไม่ว่าภาคใต้แต่ในที่สุดก็อยู่ที่  “พศ.”

กินเงินทอนพระ พระไม่ได้ทำแต่ฆราวาสหัวดำในสำนักพุทธทำกันเองทั้งนั้น

 คนที่ ป.ป.ช.ให้ความสนใจในการตรวจสอบมิใช่ พระสังฆาธิการ หากแต่เป็น “ข้าราชการ” เป็นคน “หัวดำ” ไม่ใช่คน “หัวโล้น” 

เพราะว่า ต้นตออย่างแท้จริง มาจาก ข้าราชการ ในสังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) วัดเสมอเป็นเพียง “ปลายน้ำ”

คำว่า “วัดครึ่ง กรรมการครึ่ง” จึงเน้นเนื้อๆ ไปยัง ข้าราชการ ที่นำเอา “งบประมาณ” ลงไปต่างหาก

ปมเงื่อนอยู่ตรง “ผลสะเทือน” แน่นอน ผลสะเทือนนี้อาจกระทบไปยังแต่ละวัด ที่เข้าไปเกี่ยวพันกับงบประมาณ และผลประโยชน์แต่เนื้อๆ คือ “พศ.”

 กระบวนการ “แถลง” ของ พศ. ต่างหากที่ก่ออาการ หงุดหงิด ให้เกิดขึ้นในวงการ “พระ” นั่นก็คือแถลงแบบ “ขยายวง”

เป็นการแถลงตามความเคยชินของ “ตำรวจ” ตามความเคยชินในแบบ “ดีเอสไอ” เท่ากับเป็นการให้ ยาเพื่อฆ่าพระ มากกว่าที่จะรักษา “วัด” สายตาของ พระ จึงเหล่ไปยัง “พศ.”

ขอบคุณบทความจากFootNot


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

http://talk--secret.blogspot.com/2017/07/blog-post_89.html?m=1

แชร์