เจ้าชายวิลเลียม-แฮร์รีเล่าความหลัง รำลึก 20 ปีสิ้นเจ้าหญิงไดอานา
ดยุคแห่งเคมบริดจ์ทรงเผยด้วยว่า การย้อนรำลึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ นี้แม้จะทำให้ทรงลำบากใจในตอนแรก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการบำบัดความโศกเศร้าในพระทัยไปด้วยเช่นกัน http://winne.ws/n17400
สารคดีครบรอบ 20 ปีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา
ดยุคแห่งเคมบริดจ์และเจ้าชายแฮร์รี ทรงย้อนรำลึกถึงเรื่องราวสนุกสนานที่เคยมีกับพระมารดาคือเจ้าหญิงไดอานาแห่งเวลส์เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทำสารคดีครบรอบ 20 ปีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา
สารคดีดังกล่าวจะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวีของอังกฤษ โดยพระโอรสทั้งสองของเจ้าหญิงไดอานาได้ทรงเผยภาพถ่ายจำนวนหนึ่งที่ฉายร่วมกับพระมารดา ซึ่งยังไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน พร้อมทั้งตรัสเล่าถึงเรื่องราวสนุกสนานของพระมารดาซึ่งทั้งสองพระองค์ยืนยันว่า "แม่เป็นเหมือนเด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่อย่างแท้จริง"
ได้ยินแต่เสียงหัวเราะของแม่ดังก้องอยู่
เจ้าชายแฮร์รีตรัสว่า "ทุกคนบอกให้ผมเล่าเรื่องที่แม่เป็นคนตลกสนุกสนานมาให้ฟังสักเรื่อง แต่เท่าที่ผมนึกออก ในหัวของผมได้ยินแต่เสียงหัวเราะของแม่ดังก้องอยู่เท่านั้น แม่มีคำขวัญประจำตัวสำหรับผมว่า 'ลูกจะซุกซนแค่ไหนก็ได้ตามที่ลูกต้องการ แค่อย่าให้จับได้ก็แล้วกัน' ส่วนตัวแม่เองก็เป็นผู้ปกครองที่ซุกซนและเป็นขบถต่อกฎระเบียบด้วยคนหนึ่ง ท่านมักจะมาดูพวกเราเล่นฟุตบอล และแอบยัดขนมหวานใส่ในถุงเท้าของเรา"
แม่เป็นคนที่ง่ายๆ เป็นกันเอง และชอบหัวเราะสนุกสนาน
เจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ตรัสเล่าเช่นกันว่า "แม่เป็นคนที่ง่ายๆ เป็นกันเอง และชอบหัวเราะสนุกสนาน เวลาผมอยู่ที่โรงเรียนแม่ชอบส่งการ์ดข้อความมาให้ โดยเขียนติดตลกบอกว่าแม่รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับที่ผมไปทำเรื่องน่าอายเอาไว้แล้ว ผมไม่กล้าเปิดอ่านการ์ดนั้นที่โรงเรียน เพราะกลัวว่าครูหรือเพื่อนจะเห็นเข้า"
ดยุคแห่งเคมบริดจ์ยังตรัสเล่าถึงความทรงจำที่น่าขบขันอีกเรื่องหนึ่งว่า "วันหนึ่งเมื่อกลับจากโรงเรียน ผมพบว่าแม่เชิญสุดยอดนางแบบดังสามคนคือซินดี ครอว์ฟอร์ด คริสตี เทอร์ลิงตัน และนาโอมิ แคมป์เบลล์ มาเป็นแขกที่พระราชวังเคนซิงตัน ตอนนั้นผมอายุราว 12-13 ปี และก็แอบมีโปสเตอร์ของทั้งสามคนติดผนังห้องกับเขาด้วยเหมือนกัน ผมเขินอายจนหน้าแดง ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็รีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนทั้งที่รู้สึกเหมือนกำลังหล่นลงมาข้างล่าง ตอนนั้นผมตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกจริงๆ"
ทรงหวังว่า สารคดีนี้ ทำให้รู้จักอีกด้านหนึ่งของเจ้าหญิงไดอานา
ดยุคแห่งเคมบริดจ์และเจ้าชายแฮร์รียังตรัสเล่าถึงโอกาสสุดท้ายที่ได้ทรงสนทนาทางโทรศัพท์กับพระมารดาในวันที่เจ้าหญิงไดอานาประสบอุบัติเหตุจนสิ้นพระชนม์ที่กรุงปารีสว่า ทั้งสองพระองค์เสียพระทัยอย่างยิ่งที่การพูดคุยกันครั้งนั้นสั้นเกินไป เนื่องจากทรงตัดบทการสนทนาและรีบวางสายตามประสาเด็กที่ห่วงเล่น ดยุคแห่งเคมบริดจ์ตรัสว่า หากทรงได้รู้ว่านั่นคือการพูดคุยกับพระมารดาครั้งสุดท้าย จะไม่ทรงทำเช่นนั้นเด็ดขาด
ดยุคแห่งเคมบริดจ์ยังตรัสว่า ทรงพยายามเก็บรักษาความทรงจำเกี่ยวกับพระมารดาไว้สำหรับพระโอรสและพระธิดาของพระองค์ด้วย โดยจะตรัสเล่าถึงเรื่องราวของ "ย่าไดอานา" ให้เจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ได้ทรงทราบอยู่เสมอ "ท่านจะเป็นย่าที่น่ารักมาก ท่านรักเด็กจริง ๆ แต่ก็อาจเป็นคุณย่าตัวร้ายได้เหมือนกัน ท่านอาจแอบเข้ามาในเวลาที่เด็กๆ อาบน้ำ ตีฟองสบู่และสาดน้ำกระจายเต็มไปหมด แล้วก็จากไปหน้าตาเฉย"
ดยุคแห่งเคมบริดจ์ทรงเผยด้วยว่า การย้อนรำลึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ นี้แม้จะทำให้ทรงลำบากใจในตอนแรก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการบำบัดความโศกเศร้าในพระทัยไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จะไม่ทรงเผยเรื่องราวแบบนี้ต่อสาธารณชนอีก แต่ทรงหวังว่าสารคดีนี้จะบอกเล่าเรื่องราวที่ผู้คนไม่เคยได้ยินกันมาก่อน และทำให้รู้จักอีกด้านหนึ่งของเจ้าหญิงไดอานาจากบรรดาผู้ที่รู้จักพระองค์ดีและต้องการจะเก็บรักษาความทรงจำเกี่ยวกับพระองค์ไว้ในใจของผู้คนตลอดไป
ที่มา : BBC ไทย / 23 กรกฎาคม 2560