ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อภัยโทษให้ตนเองได้หรือไม่ ?

หากนายทรัมป์ยืนกรานที่จะเดินหน้าอภัยโทษให้ตนเองและคนใกล้ชิดต่อไป ก็อาจมีผู้ฟ้องร้องต่อศาลให้พิจารณาว่าคำสั่งอภัยโทษดังกล่าวเป็นโมฆะหรือไม่ ซึ่งคงต้องต่อสู้กันไปจนถึงชั้นศาลฎีกาสูงสุด http://winne.ws/n17401

826 ผู้เข้าชม

มองหาช่องทางเพื่ออภัยโทษ

                  เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (20 ก.ค.) หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และทีมงานกำลังมองหาช่องทางเพื่ออภัยโทษให้บรรดาคนใกล้ชิดที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งเพื่อช่วยให้ตัวเขาได้รับชัยชนะ ซึ่งรายงานนี้สร้างความฮือฮาและเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมเป็นอย่างมาก

                  ล่าสุดนายทรัมป์ได้ทวีตข้อความย้ำว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้นมีอำนาจเต็มในการอภัยโทษทุกกรณี โดยระบุว่า "ในขณะที่ทุกคนเห็นพ้องว่าประธานาธิบดีมีอำนาจอย่างสมบูรณ์ในการอภัยโทษ แต่จะไปคิดถึงเรื่องนี้ทำไม ในเมื่อความผิดเท่าที่มีตอนนี้เป็นแค่การปล่อยข่าวโจมตีและข่าวปลอมเท่านั้น"

                  ข้อความของนายทรัมป์ในทวิตเตอร์ดังกล่าว พาดพิงถึงการที่คนใกล้ชิดของเขา ไม่ว่าจะเป็นบุตรเขยและบุตรชายรวมทั้งหัวหน้าทีมรณรงค์หาเสียง ถูกสื่อมวลชนปล่อยข่าวโจมตีว่าลอบติดต่อพบปะกับบุคคลสำคัญของรัสเซีย โดยล่าสุดนายเจฟฟ์ เซสชันส์ รัฐมนตรียุติธรรม ตกเป็นข่าวว่าพบเจรจากับนายเซอร์เก คิสเลียก เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว และได้หารือกันถึงนโยบายที่นายทรัมป์ใช้หาเสียง รวมถึงนโยบายที่มีความสำคัญต่อรัสเซียด้วย

                  รายงานข่าวดังกล่าวยิ่งสร้างความเสียหายต่อนายทรัมป์ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนเรื่องสายสัมพันธ์ของเขากับรัสเซียโดยเอฟบีไอและคณะกรรมาธิการในสภาคองเกรส การที่ผู้นำสหรัฐฯออกมาพูดเรื่องอำนาจในการอภัยโทษแก่คนใกล้ชิดซึ่งอาจรวมถึงครอบครัวและแม้กระทั่งตัวเขาเอง หลายฝ่ายโดยเฉพาะนักการเมืองพรรคเดโมแครตมองว่าเป็นการกระทำที่ล้ำเส้นและน่าห่วงกังวลอย่างยิ่ง เสมือนกับผู้พิพากษานั่งบัลลังก์ตัดสินคดีของตนเอง

                                                                                                                                                                        การอภัยโทษโดยประธานาธิบดีทำได้อย่างไร ?

                  ในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ มาตราที่ 2 หมวด 2 วรรค 1 ระบุว่าประธานาธิบดีมีอำนาจอภัยโทษแก่ผู้กระทำความผิดต่อประเทศ เว้นแต่ในกรณีการถอดถอนตัวประธานาธิบดีเอง ซึ่งการอภัยโทษนี้สามารถทำได้แม้แต่ก่อนจะมีการตั้งข้อหาด้วยซ้ำ

                  ในทางปฏิบัติประธานาธิบดียังสามารถลดหย่อนโทษแก่ผู้กระทำความผิดได้ แต่ไม่สามารถอภัยโทษผู้ก่ออาชญากรรมที่มีความรุนแรงระดับชาติได้

                  บทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ยากต่อการตีความนี้ ไม่ได้กล่าวถึงการที่ประธานาธิบดีจะอภัยโทษให้ตนเองและครอบครัวเอาไว้ และในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ไม่เคยมีแบบอย่างการอภัยโทษเช่นนี้มาก่อน

                                                                                                                                                                    ทรัมป์จะอภัยโทษให้ตนเองได้หรือไม่?

                  ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมองว่า อาจนำกรณีที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงความเห็นต่อกรณีอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ก่อนที่เขาจะลาออกจากตำแหน่งไม่กี่วันมาเทียบเคียงได้ โดยในครั้งนั้นกระทรวงยุติธรรมระบุว่า ประธานาธิบดีไม่สามารถอภัยโทษให้ตนเอง ตามหลักการพื้นฐานที่ทุกคนยอมรับว่าไม่มีผู้ใดสามารถเป็นผู้พิพากษาตัดสินคดีของตนเองได้

                  หลายฝ่ายยังมองว่า หากทรัมป์เดินหน้าเรื่องอภัยโทษให้ตนเองและคนใกล้ชิดจริง จะต้องพบกับการต่อต้านอย่างรุนแรงแน่นอน โดยนายโจนาธาน เทอร์ลีย์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตันชี้ว่า การกระทำดังกล่าวเท่ากับใช้อำนาจในทางที่มิชอบ ทั้งยังไม่ช่วยยับยั้งการสอบสวน รวมทั้งกระบวนการยื่นถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่งที่อาจมีขึ้นได้ นอกจากนี้ ตัวประธานาธิบดีเองยังเสี่ยงถูกตั้งข้อหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรมอีกด้วย

                  หากนายทรัมป์ยืนกรานที่จะเดินหน้าอภัยโทษให้ตนเองและคนใกล้ชิดต่อไป ก็อาจมีผู้ฟ้องร้องต่อศาลให้พิจารณาว่าคำสั่งอภัยโทษดังกล่าวเป็นโมฆะหรือไม่ ซึ่งคงต้องต่อสู้กันไปจนถึงชั้นศาลฎีกาสูงสุด

ผู้นำสหรัฐฯ ลงข้อความทางทวิตเตอร์ว่า ตนมีอำนาจเต็มที่จะอภัยโทษให้ผู้ใดก็ได้

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อภัยโทษให้ตนเองได้หรือไม่ ?

นายทรัมป์เรียกร้องทางทวิตเตอร์ให้สื่อมวลชนหยุดการปล่อยข่าวโจมตีตัวเขาและ รมว.ยุติธรรมสหรัฐฯ

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อภัยโทษให้ตนเองได้หรือไม่ ?

ที่มา          :         BBC ไทย         /         23 กรกฎาคม 2560

แชร์