ทานที่มีผลมากมีอานิสงส์มาก

ขึ้นชื่อว่าสังฆทานย่อมมีผลมาก มากจนประมาณไม่ได้ว่าเท่านั้นเท่านี้ชาติ แม้ในอนาคตกาล .แต่ว่าสังฆทาน จะเป็นสังฆทานได้ก็ต่อเมื่อผู้ถวายมีความเคารพยำเกรงต่อสงฆ์เท่านั้น http://winne.ws/n17458

2.3 พัน ผู้เข้าชม
ทานที่มีผลมากมีอานิสงส์มาก

ทานที่มีผลมากมีอานิสงส์มาก

...ใน "ทักขิณาวิภังคสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์" พระผู้มีพระภาคเจ้า  ทรงจำแนกอานิสงส์ของทานที่ให้โดยเจาะจงและไม่เจาะจงไว้ตามลำดับขั้น ถึง ๒๑ ประเภท  คือ...

 ๑.  ให้ทานแก่ดิรัจฉาน  มีอานิสงส์ร้อยชาติ  คือ  ให้อายุ  วรรณะ  สุขะ  พละ  และปฏิภาณ  

ถึง  ๑๐๐  ชาติ

๒.  ให้ทานแก่ปุถุชนทุศีล  มีอานิสงส์พันชาติ

 ๓.  ให้ทานแก่ปุถุชนผู้มีศีล  มีอานิสงส์แสนชาติ

 ๔.  ให้ทานแก่ปุถุชนผู้ปราศจากความยินดีในกาม  นอกพุทธศาสนา  อย่างพวกนักบวชหรือฤาษีที่ได้ฌานเป็นต้น  แม้ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา  ก็ยังมีอานิสงส์ถึงแสนโกฏิชาติ

...สี่ประเภทนี้เป็นปาฏิปุคคลิกทาน  เป็นทานที่ให้โดยเจาะจง คือให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ และมีผลจำกัด  ยังมีปาฏิปุคคลิกทานที่มีผลไม่จำกัด   คือให้ผลนับประมาณชาติไม่ได้  มากน้อยตามลำดับขึ้นอีก  ๑๐  ประเภท  ดังต่อไปนี้...

 ๑.  ให้ทานแก่บุคคลผู้ปฏิบัติ  เพื่อทำให้แจ้งซึ่ง  โสดาปัตติผล

 ๒.  ให้ทานแก่พระโสดาบันบุคคล  คือผู้ที่บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว

 ๓.  ให้ทานแก่บุคคลผู้ปฏิบัติ  เพื่อทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล

 ๔.  ให้ทานแก่พระสกทาคามีบุคคล

 ๕.  ให้ทานแก่บุคคลผู้ปฏิบัติ  เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล

 ๖.  ให้ทานแก่พระอนาคามีบุคคล

 ๗.  ให้ทานแก่บุคคลผู้ปฏิบัติ  เพื่อทำให้แจ้งซึ่งอรหัตตผล

 ๘.  ให้ทานแก่พระอรหันต์

 ๙.  ให้ทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า

 ๑๐.  ให้ทานแก่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

รวมเป็นปาฏิปุคคลิกทาน  คือทานที่ให้โดยเจาะจง ๑๔ ประเภท  ใน  ๑๔  ประเภทนี้  

ประเภทที่ ๑ มีผลน้อยที่สุด  ประเภทที่ ๑๔ มีผลมากที่สุด

 ทานที่ให้โดยไม่เจาะจงผู้ใดผู้หนึ่งที่เรียกว่า  สังฆทาน  มี ๗ อย่าง

 ๑.  ให้ทานในสงฆ์  ๒  ฝ่าย (คือภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์)  มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข

 ๒.  ให้ทานในสงฆ์  ๒  ฝ่าย  ในเมื่อพระตถาคตปรินิพพานไปแล้ว

 ๓.  ให้ทานในภิกษุสงฆ์

 ๔.  ให้ทานในภิกษุณีสงฆ์

 ๕.  ให้ทานในบุคคลที่ขอมาจากสงฆ์ ๒ ฝ่าย  ด้วยคำว่าขอได้โปรดจัดภิกษุและภิกษุณีจำนวน

เท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า

 ๖.  ให้ทานในบุคคลที่ขอมาจากภิกษุสงฆ์  ด้วยคำว่าขอได้โปรดจัดภิกษุจำนวนเท่านี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า

   ๗.  ให้ทานในบุคคลที่ขอมาจากภิกษุณีสงฆ์  ด้วยคำว่าขอได้โปรดจัดภิกษุณีสงฆ์จำนวนเท่า

นี้ขึ้นเป็นสงฆ์แก่ข้าพเจ้า

 สังฆทานทั้ง ๗ อย่างนี้  ปัจจุบันเราทำได้เพียง ๒ อย่าง  คือให้ทานในภิกษุสงฆ์  และให้ทานในบุคคลที่ขอมาจากภิกษุสงฆ์เท่านั้นเพราะพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว  ภิกษุณีสงฆ์ก็สูญวงศ์แล้ว

ขึ้นชื่อว่าสังฆทานย่อมมีผลมาก  มากจนประมาณไม่ได้ว่าเท่านั้นเท่านี้ชาติ  แม้ในอนาคตกาล  

จักมีแต่  โคตรภูภิกษุ  มีผ้ากาสาวะพันที่คอ  หรือผูกข้อมือ  เป็นคนทุศีล  มีธรรมลามก  พระพุทธองค์  ก็ยังตรัสว่า...

"คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น  ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์

แม้ในเวลานั้นก็มีผลนับประมาณไม่ได้  ปาฏิปุคคลิกทานจะมีผลมากกว่าสังฆทาน คือทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้โคตรภูสงฆ์ หาเป็นไปได้ไม่"

  ...แต่ว่าสังฆทาน  จะเป็นสังฆทานได้ก็ต่อเมื่อผู้ถวายมีความเคารพยำเกรงต่อสงฆ์เท่านั้น  

วางใจในสงฆ์เสมอเหมือนกันหมด  ไม่ยินดีเมื่อได้พระหรือสามเณรที่ชอบใจ  หรือไม่ยินร้ายเมื่อได้พระหรือสามเณรที่ไม่ชอบใจ  หรือต้องการผู้แทนของสงฆ์ที่เป็นพระเถระ  แต่ได้พระนวกะหรือสามเณรก็เสียใจ  หรือ

ได้พระเถระผู้ใหญ่ก็ดีใจอย่างนี้  ทานของผู้นั้นก็ไม่เป็นสังฆทานเพราะขาดความเคารพในสงฆ์  หรือผู้แทนที่สงฆ์ส่งไปในนามของสงฆ์  ด้วยเหตุนี้การถวายสังฆทานที่ถูกต้องจึงทำได้ไม่ง่ายนัก

 ...ในทางพระวินัย  ภิกษุ ๔ รูปขึ้นไป  จึงเรียกว่า  สงฆ์แต่การถวายไทยธรรมแก่ภิกษุแม้รูปเดียว

ที่สงฆ์จัดให้เป็นองค์แทนของสงฆ์ ก็จัดเป็นสังฆทานเหมือนกัน


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

https://m.facebook.com/groups/126969210664131?view=permalink&id=1729750447052658

แชร์