คนเราแก่..ไปไหน ??? ธรรมะดี ๆ โดยพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร จังหวัดสกลนคร
แก่มันแก่ไปที่ไหนล่ะ แก่ไปหาความเจ็บ ความตาย แก่ไปหาเตาไฟ มันไม่ได้แก่ไปที่อื่น เมื่อพิจารณาความแก่ประจำจิตอยู่สม่ำเสมอไป ใจมันก็ไม่ค่อยกำเริบเสิบสานไปในทางผิด เพราะเห็นว่าความแก่นี้ไม่มีหยูกยาที่ไหนจะรักษาให้หาย http://winne.ws/n17522
ธรรมะที่พระพุทธเจ้าให้เพ่งพินิจพิจารณาทุกวันทุกเวลา ในอภิณหสูตร ท่านพูดถึงความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจ นี่เป็นธรรมะที่ทุกคนควรคิด พินิจพิจารณาชำระใจ ถ้าเราไม่พิจารณาว่าเรามีความแก่เป็นธรรมดา
เมื่อแก่มาก็เสียอกเสียใจเดือดร้อนวุ่นวาย หาอุบายวิธีต่าง ๆ ที่จะปรับปรุงร่างกายของตัวไม่ให้แก่แต่ถึงจะแก้ไขขนาดไหน หาอะไรมารักษา เรื่องความแก่เป็นธรรมะ เป็นสัจธรรม มันก็แก้ไขไม่ได้ ถึงได้ก็นิด ๆ หน่อย ๆ ความแก่มันมีอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เรายังไม่เกิดมา
พวกที่ท่านเกิดมาก่อนท่านก็มีความแก่เหมือนกันกับเรา เราตายไป คนที่เกิดมาใหม่เมื่อเกิดมาแล้วก็จะต้องแก่ต่อไป เหมือนกันกับปัจจุบัน นี่คือเรื่องความแก่ ที่เราควรพินิจพิจารณา ควรศึกษาหาความรู้เอาไว้ จะไม่ได้เสียใจอย่างนั้นอย่างนี้
แก่มันแก่ไปที่ไหนล่ะ แก่ไปหาความเจ็บ ความตาย แก่ไปหาเตาไฟ มันไม่ได้แก่ไปที่อื่น เมื่อพิจารณาความแก่ประจำจิตอยู่สม่ำเสมอไป ใจมันก็ไม่ค่อยกำเริบเสิบสานไปในทางผิด เพราะเห็นว่าความแก่นี้ไม่มีหยูกยาที่ไหนจะรักษาให้หาย เกิดมาจะต้องมีความแก่เป็นธรรมดาทุกถ้วนหน้า
เขาอย่างไร เราอย่างนั้น เราอย่างไร เขาอย่างนั้น ไม่ว่าปัจจุบันหรืออดีต ความเป็นอยู่อย่างนี้มันมีเป็นปกติของผู้เกิด เมื่อเกิดแล้วจะต้องมีแก่ แก่ไม่เป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไป แต่แก่เบื้องต้นแก่ปิดปังอำพรางตา เป็นที่ชอบที่ปราถนาของสัตว์ เช่นเด็กแก่ขึ้นมาทุกวันทุกเวลา จนเป็นหนุ่มเป็นสาว รู้สึกว่าชอบอกพอใจ
นี่ก็ความแก่เหมือนกัน แต่เรียกว่าแก่ปิดปัง แก่ปกปิด เขาไม่ได้คิดว่าเขาแก่ เขาเจริญเติบโตจึงชอบ จึงพอใจ พอมันมาถึงที่ มันจะแก่ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ไป เมื่อมันถึงหนุ่มถึงสาวเต็มที่แล้ว มันก็แก่ไปในทางที่ไม่ชอบใจ เป็นแก่เปิดเผย เช่นผมที่เคยดกดำเป็นเงางามก็หงอกก็ขาวเข้า
ตาที่เคยสว่างผ่องใสก็มืดก็บังเข้า หูก็หนวกก็ตึงเข้า เนื้อหนังก็เหี่ยวแห้งย่นยู่เข้า นี่คือ ความแก่เปิดเผย คนทั่วไปเขาเห็น เขาก็รู้จักว่าเป็นคนแก่ เรียกคนแก่ เรียกพ่อ เรียกแม่ เรียกตา เรียกยายไป
นี่คือความแก่ที่เปิดเผย ที่มนุษย์ทั่วไปไม่ชอบ ไม่ยินดีในความแก่ประเภทนี้ แต่ก็หนีไม่พ้นถ้าเราไม่ตายไปก่อนตอนที่เรายังเป็นหนุ่มเป็นสาว เราจะต้องประสบพบเห็นความแก่ประเภทนี้ด้วยกันถ้วนหน้า
พ่อแม่ของเขา ปู่ย่าตาทวดของเขา แต่ก่อนก็เหมือนกันกับคนคนนี้ เมื่ออายุยังไม่มากยังไม่แก่จัด มันก็ยังน่าดูน่าชม ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีการแต่งงานกัน ไม่มีใครที่จะปรารถนา แต่คนนี้นานปีไปมันก็จะเป็นอย่างเดียวกันกับพ่อแม่หรือปู่ย่าตาทวดของเขา รูปอันนี้จึงไม่ควรที่จะยึด จะถือว่าเป็นของจีรังยั่งยืน เพราะปกติมันบ่งบอกอยู่แล้ว พ่อแม่เป็นเครื่องผ่านมาก่อน ว่าพ่อแม่แก่อย่างไร ลูกที่เกิดมาตามหลังก็จะเป็นไปทำนองเดียวกัน
จิตใจที่ปรุงคิดติดข้องในรูป ว่ามันสวย มันงาม ไปยึดในรูปว่ามันมั่นคงถาวรจีรังยั่งยืนต่าง ๆ เพื่อจะแก้ใจของตัวให้หายจากความติดข้องมัวเมาในรูปนั้น ๆ
ความเจ็บ ทุกคนที่เกิดมาก็จะต้องประสบพบเห็นด้วยกันทุกถ้วนหน้า เว้นแต่จะหนักหรือเบากว่ากันเท่านั้น เคยประสบพบมาเรื่องความเจ็บ คนที่พูดคุยก็เคยโดนมานับไม่ได้เหมือนกัน เจ็บหนัก ๆ จนจวนจะตายก็เคยพบเคยเห็น
เราจะมีสมบัติพัสถาน ข้าวของเงินทองพวกพ้องเพื่อนฝูงมากขนาดไหน ก็เฉพาะตัวของเรา ไม่มีใครที่จะช่วยความเจ็บในตัวของเราแบ่งเบาไปได้ เป็นหน้าที่ของตัวจะต้องอดต้องทน ต้องสู้ เป็นของเฉพาะจริง ๆ จัง ๆ ข้าวของเงินทองจะมากมายก่ายกองขนาดไหน จะจ้างให้เขาเอาความเจ็บออกไปจากตัวของตัว เอาไปไม่ได้
ความเจ็บปวดมันเป็นของมีประจำธาตุขันธ์ทุกท่านทุกคน ไม่ว่านักบวชหรือฆราวาส มันมีความเจ็บเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความเจ็บไปที่ไหนไม่ได้ เกิดมามีชีวิตจะต้องมีความเจ็บให้เบียดเบียนเป็นธรรมดา
เมื่อเจ็บหนักมา รูปที่เรารัก เราชอบใจ เราใคร่คิด มันไม่มีอะไรที่จะทำใจให้เพลิดเพลินให้มัวเมาไปได้ เจ็บหนักเท่าไรก็เป็นหน้าที่ของเราจะต้องต่อสู้
ความเจ็บ ความไข้ ทุกคนเคยประสบพบมาแล้วก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าสมัยใด ใครจะมีธรรมหรือไม่มีธรรมก็ตาม ใครจะมีสมบัติข้าวของเงินทองหรือจะอดอยากยากจนก็ตาม ความเจ็บนี้มีประจำสัตว์ทั่วโลก ให้เราหมั่นพินิจพิจารณาศึกษา
ไม่มีทางไหนที่จะหลีกเลี่ยงไปได้ เราก็สัตวโลกคนหนึ่ง เราจะต้องเจ็บไข้ได้ทุกข์เหมือนกันกับเขา ให้พิจารณามีธรรมะในจิตในใจเอาไว้
เมื่อเจ็บหนักเข้า รักษาด้วยหยูกยาไม่หาย มันก็ต้องตาย ถึงรักษาหายวันนี้ วันหน้า เดือนหน้า ปีหน้า มันก็มีขึ้นมาอีก เรื่องความเจ็บ ผลที่สุดก็ไปสู่ความตาย ความตายนี้ไม่ว่าสัตว์ประเภทไหนเกิดมาแล้วจะต้องตายไปด้วยกัน ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงความตายไปได้
เกิดมาต้องตาย ไม่มียาขนานไหน ไม่มีพาหนะชนิดใดที่บรรทุกคนหนีจากความตายไปได้ ยาก็รักษาไม่หาย ถ้ารักษาหายคนก็ไม่ตายกัน มีอายุเป็นพัน เป็นหมื่นเป็นแสน คนที่มีเงินที่จะซื้อยามารักษาให้หายจากตายมันมี แต่มันไม่มียาขายให้ ไม่มียารักษาให้หาย จะเป็นแพทย์เป็นหมอดีเด่นขนาดไหน มันก็ไปสู่จุดหมายปลายทางอันเดียวกันคือความตาย
ความตายจึงเป็นภัยอันตรายใหญ่หลวงสำหรับสัตว์โลก ไม่อยากตายทุกรายไป หายากที่สุดคนที่อยากตาย กินยาตาย ผูกคอตาย หายาก คนที่ไม่อยากตายมากที่สุด ถึงเขาตายไปแล้ว ไปฝังไปเผาในป่าช้า หรือเตาเผาต่าง ๆ
ถ้าเราปลุกเสกเขาขึ้นมาได้ ถามคุณอยากตายหรือ หรือคุณไม่อยากตาย ไปถามเขา เขาอาจจะตอบเป็นคำเดียวกัน ว่าไม่อยากตาย แต่มันเหลือวิสัย ทนไม่ได้ ถึงกาลถึงเวลาก็ต้องตายไป นี่เป็นเรื่องความตาย
บางส่วนจากพระธรรมเทศนา: พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
วัดป่าแก้ว บ้านชุมพล อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
ที่มา: http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp-singhthong/lp-singhthong_03.htm
ขอบคุณวิดิโอจาก https://www.facebook.com/winnews.tv/videos/1822008561461490/