พระพุทธศาสนาเปลี่ยนกษัตริย์ผู้โหดร้ายกลายเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม

พระเจ้าอโศกมหาราชเดิมมีพระอัธยาศัยโหดร้าย ชอบการทำสงครามกับแว่นแคว้นต่างๆ จนได้รับสมญานามว่า จัณฑาโศกราช (พระเจ้าอโศกผู้โหดเหี้ยม) แต่หลังจากที่พระองค์หันมานับถือศาสนาพุทธ พระองค์ก็ทรงกลายเป็นองค์เอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก์ http://winne.ws/n17875

3.8 พัน ผู้เข้าชม

พระเจ้าอโศกมหาราชและเสาสัญลักษญ์แห่งการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระองค์

พระพุทธศาสนาเปลี่ยนกษัตริย์ผู้โหดร้ายกลายเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม

พระเจ้าอโศกมหาราช (สันสกฤต: अशोकः; พ.ศ. 240 - พ.ศ. 312 ครองราชย์ พ.ศ. 270 - พ.ศ. 311) เป็นจักรพรรดิอินเดียโบราณแห่งราชวงศ์โมริยะหรือเมารยะผู้ปกครองอนุทวีปอินเดียเกือบทั้งหมด

 พระองค์เป็นราชนัดดา(หลาน)ของผู้ก่อตั้งราชวงศ์เมารยะคือพระเจ้าจันทรคุปต์เมารยะ Chandragupta Maurya ผู้สร้างหนึ่งในจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียโบราณและจันทรคุปต์สละทั้งหมดแล้วบวชเป็นนักบวชเชน 

พระเจ้าอโศกเป็นหนึ่งในจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดีย พระองค์ทรงขยายจักรวรรดิของพระเจ้าจันทรคุปต์และครอบครองเหนือดินแดนตั้งแต่ทางทิศตะวันตกคือพื้นที่ประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบันนี้ขยายออกไปทางทิศตะวันออกถึงบังกลาเทศ เป็นพื้นที่ครอบคลุมอนุทวีปของชาวอินเดียทั้งหมดยกเว้นพื้นที่ที่เป็น รัฐทมิฬนาฑู (Tamil Nadu) ในปัจจุบันนี้ คาร์นาตากาและรัฐเกรละ (Karnataka and Kerala) เมืองหลวงของจักรวรรดิคือเมืองปาฏลีบุตร (ในแคว้นมคธปัจจุบันนี้คือเมืองปัฏนะ)พร้อมด้วยเมืองหลวงต่างจังหวัดคือเมืองตักศิลาและเมืองอุชเชน หรือ อุชเชนีในครั้งพุทธกาล(Taxila and Ujjain)

รูปปั้นพระเจ้าอโศกมหาราช

พระพุทธศาสนาเปลี่ยนกษัตริย์ผู้โหดร้ายกลายเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม

พระเจ้าอโศกมหาราช

จักรพรรดิ[1][2]

Indian relief from Amaravati, Guntur. ขPreserved in Guimet Museum.jpg

จักรพรรดิแห่งโมริยะ องค์ที่ 3

ครองราชย์ พ.ศ. 270–311 [3]

ราชาภิเษก พ.ศ. 275 [3]

ก่อนหน้า พระเจ้าพินทุสาร

ถัดไป พระเจ้าทศรถ

อัครมเหสี พระนางอสันธิมิตรา

พระสนม 4 นาง

พระราชบุตร 11 พระองค์

ราชวงศ์ โมริยะ

พระราชบิดา พระเจ้าพินทุสาร

พระราชมารดา พระนางสุภัทรางคี

ประสูติ พ.ศ. 239 ณ ปัฏนา

สวรรคต พ.ศ. 311 (ชันษา 72) ณ ปัฏนา

ประมาณ พ.ศ. 283 หรือ 260 ปีก่อนคริสตกาลพระเจ้าอโศกทำสงครามทำลายล้างอย่างยืดเยื้อกับแคว้นกาลิงคะ(รัฐโอริศาในปัจจุบัน)พระองค์เอาชนะแคว้นกาลิงคะได้ ซึ่งไม่เคยมีบรรพบุรุษของพระองค์ทำได้มาก่อน นักวิชาการบางคนบรรยายว่าพระองค์นับถือศาสนาเชนเหมือนบรรพบุรุษแต่ก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าพระองค์ยอมรับศาสนาพุทธ ตำนานบอกว่าพระองค์เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธหลังจากประสบพบเห็นกับคนตายที่มากมายในสงครามแคว้นกาลิงคะแต่สาเหตุหลักคือพระองค์ทรงเกิดความเลื่อมใสสามเณรนิโครธ นั้นเอง พระองค์เองไม่รู้สึกยินดีกับความต้องการแห่งชัยชนะ พระเจ้าอโศกคำนึงคิดถึงสงครามแคว้นกาลิงคะ ซึ่งผลของสงครามมีคนตายมากกว่า 100,000 คน และ 150,000 คนต้องไร้ที่อยู่อาศัย สุดท้ายตายประมาณ 200,000 คน

ลักษณะเสาอโศกที่พระเจ้าอโศกสร้างไว้เป็นสัญลักษณ์

พระพุทธศาสนาเปลี่ยนกษัตริย์ผู้โหดร้ายกลายเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม

พระเจ้าอโศกเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธประมาณ 263 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ให้บันทึกพระบรมราชโองการไว้บนเสาศิลาเรียกว่า เสาอโศก และส่งสมณทูตเพื่อไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังประเทศศรีลังกาและเอเชียกลาง ให้สร้างอนุสรณ์สถานเพื่อเป็นเครื่องหมายให้รู้ว่าสถานที่นี้เป็นสถานสำคัญในช่วงชีวิตของพระพุทธเจ้าขึ้นมากมายซึ่งเรียกว่า  สังเวชนียสถาน

นอกจากพระบรมราชโองการของพระเจ้าอโศก การให้รายละเอียดถึงชีวประวัติของพระองค์อาศัยตำนานซึ่งเขียนขึ้นในหลายร้อยปีต่อมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 2 ได้แก่ อาศัยตำนานอโศกาวทาน (Ashokavadana) (เรื่องราวของพระเจ้าอโศกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของติวิยาวทาน Divyavadana) และในประเทศศรีลังกา อาศัยข้อความในคัมภีร์มหาวงศ์ Mahavamsa สัญลักษณ์ของสาธารณรัฐอินเดียก็ดัดแปลงมาจากสิงโต 4 ตัวหันหลังเข้าหากันหันหน้าไปยังทิศทั้ง 4 ของพระเจ้าอโศก 

พระนามของพระเจ้าอโศก หมายความว่า ไม่มีความทุกข์ หรือไม่มีความเศร้าโศก

ในภาษาสันสกฤต แยกศัพท์ออกเป็น น ปฏิเสธ แปลงเป็น อ แปลว่า ไม่ และคำว่า โสกะ แปลว่า ความโศกเศร้า หรือความทุกข์ใจ 

ในพระบรมราชโองการของพระองค์ พระองค์ได้ใช้พระนามว่าเทวานัมปริยะ (Devānāmpriya) 

บาลีเป็น เทวานมฺปิย (Devānaṃpiya) แปลว่า ผู้เป็นที่รักของทวยเทพ และพระนามว่า ปริยทรรศิน (Priyadarśin) บาลีเป็น ปิยทสี (Piyadasī) แปลว่า ผู้เป็นที่เคารพของทุกๆคนด้วยความรัก 

พระนามของพระองค์มีความสัมพันธ์กับต้นอโศก เพราะพระองค์ทรงชอบต้นไม้ชื่อว่าต้นอโศก Saraca asoca tree ซึ่งเป็นการอ้างอิงในคัมภีร์อโศกาวทาน เอช. จี. เวลส์ H.G. Wells ได้เขียนถึงพระเจ้าอโศกในหนังสือของเขาชื่อ The Outline of History ว่าในจำนวน 10000 พระนามของพระมหากษัตริย์ที่หนาแน่นในตารางของประวัติศาสตร์ พระราชอำนาจพระมหากรุณาธิคุณความสงบสุข พระเกียรติคุณ และความชื่นชอบของพวกเขา พระนามของพระเจ้าอโศกส่องสว่าง เจิดจรัสเป็นดวงดาวหนึ่งเดียว

เสาอโศก หัวเสาจะเป็นสัญลักษณ์สิงโต

พระพุทธศาสนาเปลี่ยนกษัตริย์ผู้โหดร้ายกลายเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม

พระเจ้าอโศกมหาราชเดิมมีพระอัธยาศัยโหดร้าย ชอบการทำสงครามกับแว่นแคว้นต่างๆ จนได้รับสมญานามว่า จัณฑาโศกราช (พระเจ้าอโศกผู้โหดเหี้ยม) แต่หลังจากที่พระองค์หันมานับถือศาสนาพุทธ พระองค์ก็ทรงกลายเป็นองค์เอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก์ ผู้อุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองและแผ่ขยายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธ และจากพระราชกรณียกิจมากมายนานัปการที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญด้วยทศพิธราชธรรมอย่างแท้จริง ทำให้ภายหลังทรงได้รับการขนานพระราชสมัญญานามว่า ธรรมาโศกราช (พระเจ้าอโศกผู้ทรงธรรม)


ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10213826068667526&id=1281720771

แชร์