เรา "ไม่มีศัตรู" ศัตรูที่แท้จริงคืออะไร? : ดิลโก เคียนเซ รินโปเช – คุรุแห่งคุรุแห่งหุบเขาเด็นขอค ประเทศทิเบต
อย่ามัวแต่เอาสิ่งไม่มีประโยชน์ไว้ในใจ มันจะมีประโยชน์อะไรหากมัวพะว้ากับอดีตและพะวงกับอนาคต อยู่กับความเรียบง่ายแห่งปัจจุบันเถิด http://winne.ws/n18047
"เมื่อใดที่เธอสามารถเอาชนะความเกลียดชังในจิตใจของตนเองได้ เมื่อนั้นเธอก็จะค้นพบว่าในโลกภายนอกนี้ไม่มีสิ่งใดแม้เพียงสิ่งเดียวที่เป็นศัตรูอยู่เลย"
"บางคนที่เธอเสี่ยงชีวิตนี้ เพื่อเขาอาจตอบแทนความเมตตาของเธอด้วยความไม่พอใจ ความเกลียดชัง หรือความมุ่งร้าย แต่เธอก็ควรรักเขาให้มากยิ่งขึ้น แม่ที่มีลูกเพียงคนเดียวนั้นเต็มไปด้วยความรักต่อลูก โดยไม่สำคัญว่าลูกจะทำอะไรในขณะที่แม่ให้นม ลูกอาจกัดหัวนมของแม่และทำให้เจ็บยิ่งนัก แต่แม่ไม่เคยโกรธหรือรักลูกน้อยลงเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม่ยังคงดูแลลูกต่อไปอย่างดีที่สุดเท่าที่แม่จะทำได้
ผู้คนมากมายไม่มีโชคดีอย่างที่เธอมีสุขเบิกบาน ในการได้พบกับครูทางจิตวิญญาณ และดังนี้เองพวกเขาจึงไม่สามารถ หาทางออกจากความหลงผิด พวกเขาต้องการความช่วยเหลือของเธอ และความกรุณาของเธอมากยิ่งกว่าใครอื่น ไม่สำคัญว่าเขาจะประพฤติตัวชั่วร้ายเพียงใด จงระลึกถึงผู้คนเหล่านั้นที่ทำร้ายเธอไว้เสมอ ว่าพวกเขาคือเหยื่อแห่งอารมณ์ต่าง ๆ ของพวกเขาเอง เมื่อเด็กผู้เลินเล่อกระทำผิดต่อผู้ใหญ่ ผู้มีวิจารณญาณ ผู้ใหญ่จะไม่รู้สึกขัดเคืองใจแต่จะพยายามด้วยความรัก อันยิ่งใหญ่ในการช่วยเหลือเด็กให้ปรับปรุงตัวดีขึ้น"
"การพบกับใครบางคนที่ทำร้ายเธอจริงๆนั้น คือการพบกับสมบัติอันหายากและมีค่าจงอุ้มชูบุคคลนั้นไว้ด้วยความเคารพและจงใช้โอกาสอันดีนี้อย่างเต็มที่ในการชะล้างข้อผิดพลาดต่างๆของเธอและกระทำความก้าวหน้าบนมรรคาหากเธอยังไม่อาจรู้สึกรักและกรุณาต่อผู้ที่ปฏิบัติกับเธออย่างเลวร้ายนั่นคือสัญญาณว่าจิตใจของเธอยังไม่ได้แปรเปลี่ยนอย่างเต็มที่และเธอจำต้องปฏิบัติต่อไปด้วยความเอาใจใส่ที่มากขึ้น"
ศัตรูที่แท้
"เมื่อใดที่เธอสามารถเอาชนะความเกลียดชังในจิตใจของตนเองได้ เมื่อนั้นเธอก็จะค้นพบว่าในโลกภายนอกนี้ไม่มีสิ่งใดแม้เพียงสิ่งเดียวที่เป็นศัตรูอยู่เลย แต่ถ้าเธอยังคงปล่อยให้ความรู้สึกเกลียดชังมีอำนาจขึ้นอย่างอิสระ และพยายามที่จะเอาชนะศัตรูภายนอกเธอจะพบว่า ไม่ว่าเธอจะจัดการเพื่อเอาชนะศัตรูมากมายเหล่านั้นเพียงใด มันก็จะมีเพิ่มมากขึ้นมาแทนที่เสมอ แม้ว่าเธอจะสามารถพิชิตสรรพสัตว์ทั้งจักรวาล ทว่าความโกรธของเธอก็เติบโตขึ้นด้วย เธอไม่สามารถที่จะรับมือกับมันด้วยการยอมทำตามมันไป ก็ตัวความเกลียดชังเองนั่นแหละคือศัตรูที่แท้จริงและไม่อาจยอมให้มันดำรงอยู่ได้"
"วิธีที่เราจะควบคุมมันได้คือการเพ่งสมาธิในขันติและความรักก็เมื่อใดที่ความรักและความกรุณาหยั่งรากลงในชีวิตของเธอเมื่อนั้นก็จะไม่อาจมีศัตรูภายนอกใด ๆ"
ความโกรธ
"ความโกรธนั้นอาจดูมีพลังมาก..
แต่มันเอาพลังจากที่ใดมาครอบงำเธออย่างง่ายดายนัก?
มันเป็นอำนาจจากภายนอก..
เป็นบางสิ่งที่มีแขนและขามีอาวุธและชุดเกราะอย่างนั้นหรือ ?
ถ้าไม่ใช่เช่นนั้นหรือว่ามันอยู่ภายในตัวเรา ?
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วมันอยู่ตรงไหนในตัวเธอ ?
เธอสามารถหามันได้ในสมองของเธอในหัวใจ ในกระดูก หรือในส่วนอื่นๆของร่างกายเธอได้ไหม ?"
"ไม่มีทางเลยหากมันจะดำรงอยู่ ความโกรธแสดงตัวประหนึ่งว่ามีอยู่จริงประหนึ่งว่า เป็นการยึดมั่นอันรุนแรงที่ยึดจิตใจของเธอ ให้อยู่ในภาวะแห่งตัวตนอันแข็งทื่อ และนำพาเอาความทุกข์มาสู่ทั้งตัวเธอเองและผู้อื่น ทว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นเหมือนดั่งเมฆที่ไม่มีแก่นสารจริง แท้ซึ่งไม่อาจรับน้ำหนักหรือเอามาสวมใส่ เป็นเสื้อผ้าได้แม้มันอาจปกคลุมท้องฟ้า ให้มืดมิดและบดบังดวงตะวันก็ตาม เช่นเดียวกันกับความคิดทั้งหลาย ที่อาจบดบังความสว่างไสวเดิม แท้แห่งสติตระหนักรู้ก็ด้วยการระลึกรู้ ถึงความว่างและธรรมชาติอันกระจ่างของจิตนั่นเอง ที่จะทำให้มันหวนคืนสู่ภาวะธรรมชาติแห่งความอิสระหลุดพ้นถ้าเธอระลึกรู้ได้ว่ าธรรมชาติของความโกรธนั้นว่างเปล่า มันก็จะสูญสิ้นพลังแห่งการทำลายของมันจนหมดสิ้น"
ความตาย
"ในช่วงขณะแห่งความตาย ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์นอกจากธรรมะความกลัวทั้งปวงที่เราประสบในชีวิตนี้ไม่มีอันไหนเลยที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าความกลัวแห่งความตาย ดังนั้น ในการเตรียมพร้อมต่อความตาย เราไม่ควรรีรอจนกระทั่งถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่จะปฏิบัติธรรมถ้าเราต้องการที่จะปฏิบัติธรรม ณ เวลานี้ เราสามารถกระทำได้แต่ในช่วงเวลาแห่งความตาย เราไม่สามารถกระทำได้ เราจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทางกายและความทุกข์ทรมานทางใจนั่นไม่ใช่เวลาที่จะก่อเกิดความคิดในการปฏิบัติธรรมเลย"
ไม่ยั่งยืน
"เมื่อเธอมองให้ลึกยิ่งขึ้นเธอจะตระหนักว่าไม่มีสิ่งใดที่ยั่งยืนถาวร ไม่มีเลย แม้แต่เส้นขนที่เล็กที่สุดบนร่างกายของเธอและสิ่งนี้ไม่ใช่ทฤษฎี แต่มันคือสิ่งที่เธอสามารถรู้ ตระหนักถึง และเข้าใจมันได้แม้เพียงด้วยตาทั้งสองข้างของเธอเอง"
ความคิด
"เมื่อเธอไล่ตามความคิดของเธอเธอก็เป็นเหมือนสุนัขที่กำลังวิ่งไล่ตามท่อนไม้ ทุกครั้งที่ท่อนไม้ถูกขว้างออกไปเธอก็วิ่งตามไปงับมัน แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น ถ้าเธอมองไปยังที่ที่ความคิดปรากฏขึ้นมาเธอจะเห็นว่าทุกความคิดนั้นเกิดขึ้นและหายไปภายในห้วงแห่งการตระหนักรู้โดยไม่มีการก่อเกิดความคิดอื่นใดขึ้นอีก เป็นดังเช่นสิงโตซึ่งแทนที่มันจะวิ่งไล่ตามท่อนไม้ มันจะหันไปทางคนที่ขว้างซึ่งเขาจะขว้างไม้ไปหาสิงโตได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น"
"สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนปรารถนาความสุขและไม่ต้องการความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้นข้อแตกต่างอันมหาศาลระหว่างตัวเรากับผู้อื่นก็คือเรื่องจำนวน ตัวเรามีเพียงหนึ่งแต่ผู้อื่นนั้นมีนับไม่ถ้วน ดังนั้น ความสุขของ "ฉัน" และความทุกข์ของ "ฉัน" ช่างเล็กน้อยเหลือเกินหากเทียบกับความสุขและความทุกข์ของสรรพสัตว์อันมีจำนวนไม่ประมาณสิ่งสำคัญแท้จริงก็คือความสุขและความทุกข์ของสรรพสัตว์ สิ่งนี้แหละคือรากฐานของโพธิจิต"
ขอขอบคุณข้อคิด-คำคม ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่