จากกรณีที่ ทางสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ได้เสนอให้โยกย้าย ผอ.พศ.ไปเมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา  หลังจากนั้น ท่านนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ไม่เห็นว่าท่านเสียหายอะไรมาก จนถึงขึ้นปลดเลย (ไม่ได้เสนอปลดครับ แต่เสนอให้ย้าย)

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรในก่อไผ่  วันนี้ เราขอติดตามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว

@@@ เรายังยืนยันว่า ต้องเปลี่ยนครับ เพราะเหตุผล คือ

@@@@@ 1. ออกประกาศคุมกำเนิดชาวพุทธ  กรณีนี้คือ การออกประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนา เรื่อง คุณภาพสำนักเรียน และสำนักศาสนศึกษา พ.ศ.2560  กรณีนี้สร้างความเสียหายให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเป็นวงกว้าง เพราะ

@@@ 1.1 คุมกำเนิดครูสอนธรรม  นั่นคือการกำหนดคุณสมบัติครูสอน ว่าต้องจบ ม.6 มันขัดกับความเป็นจริงของพระสงฆ์ที่เป็นครูสอนในต่างจังหวัดท่านไม่ได้ศึกษาทางโลก แต่ก็เชี่ยวชาญการสอนนักธรรม เท่ากับทำลายพระที่เป็นครูสอนเก่า เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาทางอ้อมทันที

@@@ 1.2 คุมกำเนิดชาวพุทธ  นั่นคือการกำหนดคุณสมบัติของผู้เรียน นี่ยิ่งหนักอย่างแสนสาหัส เพราะไม่รู้ว่าเอาสมองส่วนไหนคิด หรือไปรับงานจากใครมาหรือไม่ เพราะดันไปกำหนดว่า ผู้จะเรียนนักธรรม ต้องจบการศึกษาภาคบังคับ ซึ่ง ณ วันนี้ คือ ม.3  นี่กำลังทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง  คิดได้อย่างไรครับ ว่าคนจะเรียน นักธรรมตรีได้ ต้องจบ ม.3 ก่อน การศึกษาทางธรรมนั้น ต้องไม่มีข้อกำหนดใด ใครใคร่เรียน เรียน แทนที่จะหาทางสนับสนุนให้คนมาเรียนกับมากๆ กลับคุมกำเนิด ไม่ให้คนได้เรียนเสียอย่างนั้น 

@@@ 1.3 ประกาศนี้เท่ากับฆราวาสสั่งพระ การออกประกาศใดๆ เพื่อให้มีผลต่อพระหรือชาวพุทธเช่นนี้ มีหน่วยงานทางสงฆ์ที่เป็นหลักอยู่แล้วคือ แม่กองธรรม แม่กองบาลี และมหาเถรสมาคม  การที่ ผอ.พศ.ออกประกาศเช่นนั้น ถือว่าผิดขั้นตอนอย่างร้ายแรง แบบไม่สมควร และต้องรีบยกเลิกประกาศฉบับนี้โดยด่วน

@@@ 1.4 ประกาศฉบับนี้จะส่งผลให้

1.4.1 พระต่างจังหวัด แม้บวชมา ถ้าไม่จบ ม.3 ก็หมดสิทธิเรียน นักธรรม (จะบวชมาเพื่ออะไรครับ)

1.4.2 โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ต้องปิด เพราะเด็กมาเรียนส่วนมาก อยู่ระดับประถมและมัธยมตอนต้น  นี่ช่างกล้า ออกประกาศห้ามเด็กเรียนธรรมศึกษา นี่กำลังคุมกำเนิดไม่ให้คนเข้าถึงพุทธอย่างโจ่งแจ้ง

@@@ 1.5 แม้เป็นเพียงประกาศ ไม่ใช่ระเบียบ หรือคำสั่ง แต่เมื่อประกาศได้ถูกรับรองใช้ ก็จะถูกนำไปอ้างอิงในอนาคต เพื่อออกมาเป็น พรบ. ระเบียบ คำสั่ง ซึ่งจะส่งผลอย่างร้ายแรงต่อพระพุทธศาสนาในประเทศไทยในอนาคต

@@@@@ 2.แทรงแซง มติมหาเถรสมาคม กรณีลุกรี้ลุกรน ค้าน มติมหาเถรสมาคม เรื่องตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเข้าหาสมเด็จพระสังฆราช เพื่อให้ยับยั้งมติดังกล่าว พร้อมมีข่าวออกมาว่า กรรมการมหาเถรสมาคมแอบเสนอเป็นวาระจร ขณะสมเด็จพระสังฆราชไม่ได้ทรงเข้าประชุม  แต่อีกวาระจรที่สำคัญ อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดหนึ่งแถวอุดรธานี ที่ถูกเสนอเป็นวาระจรเช่นกัน กลับเงียบเฉย ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กลับเลือกปฏิบัติ เลือกเล่นงานเฉพาะกรณีแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา เรื่องเดียว เรื่องแต่งตั้งเจ้าอาวาสแถวอุดรธานีกลับเฉยๆ  อันนี้ถือว่าเลือกปฏิบัติ  และต้องบอกว่า ผอ.พศ.ทำเกินกว่าเหตุ อย่างร้ายแรง ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง 

@@@@@ 3.สร้างภาพให้พระเป็นผู้ร้ายในสายตาคนไทย  ประเด็นเรื่องเงินทอนวัด  ประเด็นนี้ขอยกเรื่องการคอรัปชั่นของนักการเมืองที่กินเปอร์เซ็นจากผู้รับเหมาที่ประมูลโครงการรัฐ  หากมีการจับได้ว่า ผู้ชนะการประมูล มีการจ่ายเปอร์เซ็นให้กับนักการเมืองจริง ปกติแล้วศาล และสังคม ต้องมุ่งเล่นงานไปที่นักการเมือง เป็นหลัก  ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง  พอมาเป็นกรณีเงินทอนวัด เจ้าอาวาสก็เปรียบเสมือนกับผู้รับเหมา เจ้าหน้าที่สำนักพุทธผู้ขอเงินทอน ก็เปรียบเสมือนนักการเมือง   พอเรื่องนี้เกิดขึ้น แทนที่ ผอ.พศ.จะออกมาแสดงความเห็นใจว่า เจ้าอาวาส(เทียบกับผู้รับเหมา)ถูกบังคับให้ทอนเงินให้เจ้าหน้าสำนักพุทธ แล้วไปเล่นงานเจ้าหน้าที่สำนักพุทธที่มาขอเงินทอน(เทียบกับนักการเมือง)  กับนิ่งเฉยเรื่องเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ แม้ออกข่าวก็ออกน้อยนิด  แต่กลับมาออกข่าวเบี่ยงเบนให้สังคมมองว่า  พระคือผู้ชั่วร้าย  ทั้งที่พระท่านถูกเบียดเบียน(เท่าที่ทราบเจ้าหน้าที่เอาไปอ้างกับท่านว่า ต้องนำเงินส่วนหนึ่งไปบูรณวัดอื่นๆที่ไม่ได้งบมา ด้วยความที่พระท่านมีจิตเมตตาสูง ประกอบกับไม่รู้เรื่องกฎหมาย ท่านเลยเอาเงินให้เจ้าหน้าที่ด้วยคิดว่า เจ้าหน้าที่จะนำไปบูรณวัดอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา) แต่ก็ยังคงออกข่าว จนสังคมมองพระในแง่ที่เลวร้าย ในทางที่ถูกต้องกรณีเงินทอนวัด ต้องกันเจ้าอาวาสเป็นพยาน และฟ้องเล่นงานเจ้าหน้าที่สำนักพุทธผู้รับเงินทอน

ทั้ง 3 ประเด็นที่ยกมานี้ ก็ต้องบอกว่า เพียงพอ ต่อการโยกย้าย ท่าน ผอ.พศ. คนนี้แล้ว

@@@ ส่วนตัวผม ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับ ผอ.พศ.คนนี้เลย แต่จากการติดตามการทำงานของท่าน ผมก็คิดด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ว่า ท่าน พ.ต.ท.พงศพร พราหมณ์เสน่ห์ ท่านเป็นคนดีจริงๆ และเป็นคนตงฉินด้วย  แต่ตำแหน่งที่ท่านดำรงอยู่นี้ มันมี 2 บทบาท คือ

1.เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

2.เป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคม  ซึ่งต้องมีหน้าที่สนองงานรับใช้ คณะสงฆ์

ในบทบาทของ ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้น ความเป็นคนดี และคนตงฉิน เช่นท่านนั้น ถือว่า องค์กรโชคดีมากๆ ที่ได้คนเช่นนี้มาบริหาร  

แต่... 

แต่.... 

แต่....

แต่ในบทบาทของ ผู้รับใช้คณะสงฆ์นั้น การออกข่าวเล่นงานพระแบบไม่สมควรแบบนี้ (เช่นที่ผมยกตัวอย่างมาทั้ง 3 ประเด็น) ถือว่า ท่านไม่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนี้เลย แม้แต่เปอร์เซ็นเดียว 

ดังนั้น ความดี และความตงฉินของท่าน น่าจะเหมาะกับตำแหน่งอื่นๆ เช่น อธิบดีดีเอสไอ หรือตำแหน่งที่สูงกว่านั้น  แต่ท่านไม่เหมาะต่อการทำหน้าที่รับใช้คณะสงฆ์เลย

เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อคณะสงฆ์ต่อไป สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย ขอให้ดำเนินการโยกย้ายโดยด่วน (แต่คนดี และคนตงฉินเช่นท่าน พ.ต.ท.พงศพร พราหมณ์เสน่ห์ ท่านนี้ เมื่อโยกออกไปแล้วขอให้ท่านได้ตำแหน่งที่ดีขึ้น หรือสูงขึ้น เพื่อไปกวาดล้างสิ่งที่ไม่ดีในองค์กรอื่นต่อไป)

สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย  ขอให้มีการโยกย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ออกจากตำแหย่งโดยด่วน

หากยังไม่มีการโยกย้าย  สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย จะต้องขอเข้าพบท่านนายกรัฐมนตรี หรือท่านรัฐมนตรีออมสิน หรือดำเนินการอย่างอื่น ในรูปแบบของชาวพุทธผู้รักสงบ จะดำเนินการต่อไป (แต่จะไม่มีการพาคนไปชุมนุมอย่างแน่นอน)

Cr.นายกรณ์   มีดี

เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย

18 ส.ค.60

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

https://timeline.line.me/post/_dVR5Duqtgu9cmP5tIwBVNPq94KTARc9iR0p2GZY/1150303624508081826/