ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข-โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ..พุทธภาษิตแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บุคคลฆ่าความโกรธได้ย่อมอยู่เป็นสุข เมื่อฆ่าความโกรธได้แล้วย่อมไม่เศร้าโศก...การอยู่ร่วมกับบุคคลหมู่มากนั้นต้องระมัดระวังเรื่องคำพูด อย่าให้มีการบาดหมางกัน ต้องรู้จักประนีประนอมบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น http://winne.ws/n18204

2.4 หมื่น ผู้เข้าชม
ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข-โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ..พุทธภาษิตแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแหล่งภาพจาก http://clip.teenee.com/etc/43456.html.

ความโกรธเป็นประดุจไฟเผาลนจิตใจทำให้เร่าร้อนอยู่ไม่เป็นสุข ก่อให้เกิดโทษภัยร้ายแรงตามมา ผู้ที่มีสติข่มความโกรธไว้ได้ไม่ไปมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ไม่กระทบกระทั่งใคร จะอยู่เป็นสุขไม่มีเวรมีภัยเบียดเบียน จะไม่เศร้าโศก จะมีแต่ความชื่นบาน ผิวพรรณวรรณะก็ผ่องใส

ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข-โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ..พุทธภาษิตแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าhttps://web.facebook.com/dmc072/photos/a.10150601168818381.391632.347037738380/10154717038048381/?type=3

ครั้งที่สมเด็จพระชินสีห์ประทับอยู่ที่พระเชตวนารามมหาวิหารพระองค์โปรดประทานพระธรรมเทศนา โดยปรารภถึงภิกษุผู้มักโกรธรูปหนึ่งว่า เพราะความมักโกรธเอาแต่ใจไม่รู้จักออมชอมกัน จึงมีผลร้ายทำให้ส่วนรวมเดือดร้อนไปด้วย และเดือดร้อนไปถึงนักปราชญ์ในกาลก่อน ถึงขั้นต้องถูกขับไล่ให้ไปอยู่ในที่ที่ไม่สะอาด เต็มไปด้วยคูถถึง ๓ ปีจากนั้นพระองค์ทรงตรัสพระธรรมเทศนาว่า

      * ในอดีตกาลครั้งที่พระเจ้าพรหมทัตทรงเสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุงพาราณสีมีนาคราชตนหนึ่งชื่อมหาทัททระ เป็นบุตรของพญานาคมีนามว่าสุรทัททระ ในทัททรนาคพิภพซึ่งอยู่ในป่าหิมพานต์ น้องชายของมหาทัทระ ชื่อว่าจุลลทัททระเป็นผู้มักโกรธ เอาแต่ใจ ถ้าไม่พอใจนาคใดก็เที่ยวทุบตีรังแกนาคหนุ่มทั้งหลาย รวมไปถึงบ่าวไพร่บริวารด้วยอัธยาศัยที่มีอติมานะเอาแต่ใจ ใครจะว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่ได้

ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข-โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ..พุทธภาษิตแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าwww.dmc.tv

พญานาคผู้เป็นบิดาอิดหนาระอาใจ อยากจะแก้ไขนิสัยไม่ดีของลูกชาย แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งหนึ่ง จุลลทัททระได้ก่อเรื่องขึ้น พญานาคบิดาทรงพิโรธ จึงมีอุบายให้ขับจุลลทัททระออกไปจากนาคพิภพเพื่อเป็นการสั่งสอน แต่มหาทัทระผู้เป็นพี่ชายได้ทูลขอไว้ 

ครั้นต่อมา ไปทำเรื่องอีกจนได้นาคพี่ชายช่วยพูดทัดทานบิดาไว้อีก พอถึงครั้งที่ ๓ ไปทำเรื่องร้ายแรงทำให้นาคส่วนใหญ่ต้องเดือดร้อน ครั้งนี้ทัดทานไว้ไม่อยู่ทั้งนาคพี่ชายและน้องชายถูกบิดาขับไล่ให้ไปอยู่ด้วยกันในที่ซึ่งเต็มไปด้วยคูถหรืออุจจาระ ของสกปรกไม่สะอาด ใกล้เมืองพาราณสีถูกกักบริเวณโดยมีกำหนดเป็นเวลา ๓ ปี

นาคสองพี่น้องพากันเศร้าโศกเดือดร้อนใจไม่สบายใจ ทั้งหวาดระแวงที่ต้องมาอยู่ในถิ่นมนุษย์ต้องถูกเด็กชาวบ้านวิ่งไล่ขว้างปาด้วยท่อนไม้บ้าง ก้อนดินบ้างบ้างก็พูดดูหมิ่นเยาะเย้ยถากถางด่าว่า ไอ้นี่ตัวอะไรจะไปไหนก็ต้องเลื้อยคลานเอาตัวไถไป ตัวก็โต ทั้งหนัก ทั้งใหญ่ แต่มีหางเรียวเล็กเที่ยวหากินกบกินเขียดเป็นอาหาร

เมื่อจุลลทัทระได้ฟังคำดูหมิ่นเช่นนั้น รู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นมากทนไม่ไหว บอกกับพี่ชายว่า “เด็กเหล่านี้ไม่รู้อานุภาพของพวกเราไม่รู้ว่าเราเป็นชาติอสรพิษ จึงสบประมาทกล่าวผรุสวาทเช่นนี้เราต้องพ่นพิษให้เด็กเหล่านี้ถึงความพินาศ” มหาทัทระผู้เป็นพี่ชายจึงตักเตือนน้องว่า “ธรรมดาผู้ที่ถูกขับไล่จากที่อยู่ของตน ต้องระเหเร่ร่อนไปอยู่ถิ่นอื่นควรสร้างฉางใหญ่เอาไว้ใส่คำด่าว่าสบประมาทของคนหยาบคายทั้งหลายที่ใดที่ไม่มีผู้รู้จักชาติ ตระกูล ยศศักดิ์ และสมบัติของเราที่นั้นไม่ควรมีมานะถือเนื้อถือตัว ควรเจียมตัวไม่ให้ใครรู้จักฐานะของเราจึงจะเป็นการดี ผู้มีปัญญาจะมีเดชานุภาพสักปานใด เมื่อตกอยู่ต่างถิ่นก็ควรอดทนต่อการดูหมิ่น แม้แต่คำพูดข่มขู่ของพวกทาสก็ต้องอดทน”

เมื่อนาคพี่ชายสั่งสอนดังนี้แล้ว นาคน้องชายค่อยๆ สงบลงพยายามฝึกหัดปฏิบัติตามโอวาทของพี่ชาย โดยประพฤติวัตรระงับความโกรธข่มใจสงบสติอารมณ์ตลอดมา จนกระทั่งครบ ๓ ปี เมื่อครบกำหนดแล้ว พญานาคบิดารับสั่งให้กลับเข้าไปยังนาคพิภพตามเดิมตั้งแต่นั้นมา นาคผู้น้องก็สิ้นมานะ ไม่มักโกรธด่าว่าทุบตีบ่าวไพร่บริวารอีกต่อไป

 ครั้นสมเด็จพระบรมศาสดาตรัสเรื่องในอดีตแล้ว ทรงแสดงอริยสัจสืบไปเมื่อจบอริยสัจ ภิกษุผู้มักโกรธเอาแต่ใจ ได้บรรลุอนาคามิผลจากนั้นพระพุทธองค์จึงประชุมชาดกยกบุคคลขึ้นประกาศว่าจุลลทัททรนาคผู้น้องชายในครั้งนั้นคือภิกษุผู้มักโกรธนี้ ส่วนมหาทัทรนาคผู้พี่ชายคือเราตถาคตเอง

ฆ่าความโกรธได้ อยู่เป็นสุข-โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ..พุทธภาษิตแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าhttps://www.google.co.th/

 จากเรื่องนี้เราจะเห็นโทษของความมักโกรธอย่างน้อย ๒ สถาน คือ 

๑. ทำให้ไม่เป็นที่รักผู้อื่นเกิดความเอือมระอาเบื่อหน่าย 

๒. ทำให้ตนเองได้รับความทุกข์ อีกทั้งยังพลอยให้คนอื่นได้รับทุกข์อีก  

ถ้าจะให้เป็นที่รัก ต้องไม่มักโกรธจึงจะเป็นที่รักของทั้งมนุษย์และเทวา ให้ฝึกหัดข่มใจข่มความโกรธ และขจัดมันออกไปอย่าให้เหลือวิธีการที่ดีที่สุดคือต้องหมั่นเจริญสมาธิ(Meditation)ภาวนา ฝึกทำใจให้หยุดให้นิ่งเป็นวิธีหยุดความโกรธที่ได้ผลที่สุด ทั้งได้บุญด้วย การทำหยุดนิ่งเฉยๆฝึกสติควบคุมใจให้อยู่ในกลางกาย ถ้าใจอยู่กับเนื้อกับตัวใจใสใจสงบนิ่งอยู่ตรงนี้ได้แล้ว ใจจะเยือกเย็น จะมีความสุขมากเมื่ออยู่ในแหล่งของสติ แหล่งของปัญญาในกลางกาย ฉะนั้น ต้องทำให้ถูกหลักวิชาอย่างนี้ แล้วเราจะเป็นผู้ที่มีความสุขเป็นที่รักของทุกๆ คน และจะสมปรารถนาในชีวิตกัน

 

ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก ธรรมะเพื่อประชาชน: http://buddha.dmc.tv/

แชร์