เอกอัครราชทูตประเทศไทยประจำประเทศเคนยา...เยี่ยมสำนักสงฆ์พระพุทธรักขิตะ
ทูตไทยประจำเคนยาเยี่ยมสำนักสงฆ์พระพุทธรักขิตะ พร้อมให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆในพระพุทธศาสนาเป็นฐานสร้างสันติภาพโลก http://winne.ws/n18244
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2560 ที่ผ่านมาเฟซบุ๊ก Uganda Buddhist Centre - UBC ได้รายงานว่า เอกอัครราชทูตประเทศไทยประจำประเทศเคนยา ได้เดินทางไปที่สำนักสงฆ์พระพุทธรักขิตะ ประเทศยูกันดา ทั้งนี้ได้แจ้งว่า ทางเอกอัครราชทูตประเทศไทยประจำประเทศเคนยาจะให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของสำนักสงฆ์
ทั้งนี้พระพุทธรักขิตะ ที่เป็นชาวยูเคนยาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและบวชศึกษาพุทธธรรมจาริกไปตามประเทศต่างๆในอาเซียนแล้วกลับไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา สำนักมีชาวเคนยานับถือพระพุทธศาสนาและบรรพชาอุปสมบทเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ได้มีบทบาทสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทวีปแอฟริกา พร้อมกันนี้ได้เคยเดินทางมาบรรยายที่ประเทศหลายครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพื่อถอดบทเรียนในการสร้างสันติภาพให้กับนิสิตปริญญาโทให้ทราบ
ชื่อเสียงของพระพุทธรักขิตะชาวยูกันดา ซึ่งเป็นพระสงฆ์เถรวาทรูปแรกที่นำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ในทวีปแอฟริกา เป็นที่ทราบของชาวไทยพุทธบ้างในระดับหนึ่ง และที่ทราบมากขึ้นเมื่อได้ออกหนังสือเกี่ยวกับอัตชีวประวัติเรื่อง "บัวบานที่ยูกันดา"
ด้วยชื่อเสียงดังกล่าวพระพุทธรักขิตะจึงได้รับเชิญไปบรรยายในเวทีเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและและสันติภาพอยู่เป็นระยะๆ รวมถึงล่าสุดได้รับนิมนต์ไปบรรยายเสนอบทความในการประชุมนานาชาติ ณ เมืองมัณฑเลย์ ประเทศเมียนมาร์ ในหัวข้อ "The World Peace Buddhist Conference" หรือ "พระพุทธศาสนากับสันติภาพโลก" ที่สถาบันวิชาการสีตะกู ระหว่างวันที่ 22-26 มกราคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา ภายใต้การนำของพระสยาดอจี อชิน ญาณิสสระ อธิการบดี ซึ่งมีนักสันติภาพจากหลากหลายศาสนาทั่วโลกกว่า 1,000 รูป/คน ได้เข้าร่วมและเสนอบทความ รวมถึงพระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ได้เดินทางไปปาฐกถาพิเศษ และพระมหาหรรษา ธัมมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดี มจร ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษาปริญญาโทและปริญญาเอก ได้นำคณาจารย์และนิสิตปริญญาโท สาขาสันติศึกษา มจร เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเป็นผู้นำเสนอประสบการณ์จากทำงานด้านสันติภาพในประเด็น "หมู่บ้านสันติภาพ" ต่อที่ประชุมด้วย
จากเวทีสันติภาพที่ประเทศเมียนมาร์นั่นเองพระมหาหรรษาจึงได้นิมนต์พระพุทธรักขิตะเดินทางมาประเทศไทย เป็นวิทยากรพิเศษบรรยายประสบการณ์การสร้างสันติภาพเรื่อง "ถอดบทเรียนการสร้างสันติภาพในทวีปแอฟริกาใต้ : กรณีศึกษา ประเทศยูกันดา" ให้แก่นิสิตปริญญาโท สาขาสันติศึกษา มจร และบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้ารับฟังที่ห้องสันติศึกษา อาคารเรียนรวม มจร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ.2559
พระพุทธรักขิตะได้ระบุว่า ได้เดินทางมาบรรยายที่ มจร ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยขอนำเสนอวีดีโอสั้นๆเป็นเรื่องราวเมล็ดพันธุ์แห่งธรรมะ ซึ่งสันติภาพนั้นมี 3 ระดับ คือ 1 สันติภาพทั่วไป 2. สันติภาพภาวนา และ 3 .ผลจากการปฏิบัติ ซึ่งสันติภาพนั้นแบ่งออก 2 แบบ คือ สันติภายในและสันติภายนอก ปัจจุบันนี้สร้างได้เพียงสันติภาพภายนอกจึงจำเป็นต้องพัฒนาให้ถึงสันติภาพภายในโดยผ่านการปฏิบัติภาวนา ซึ่งแนวทางการพัฒนาเพื่อไปสู่สันติภาพมี 3 ระดับคือ ปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ
"คำว่าสันติภาพในมุมมองของผม คือ อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ถึงแม้เราจะไม่มีสงครามแล้ว แต่ความรู้สึกเกี่ยวกับสงครามยังมีอยู่ เพราะเราเคยเป็นเหยื่อของสงคราม ซึ่งที่ประเทศยูกันดามีพระสันติภาพเหมือนประเทศไทยมีพระเเก้วมรกต โดยอาตมาเป็นพระรูปแรกที่ไปสร้างวัดที่ประเทศยูกันดาซึ่งก็เป็นสิ่งแปลกเพราะเป็นสิ่งที่ชาวยูกันดาไม่เคยรู้จักมาก่อน" พระพุทธรักขิตะกล่าวและว่า
คำถามก็คือจะใช้อะไรในการไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา คำตอบก็คือว่า ใช้ความเมตตา กรุณา ทำให้ชาวบ้านเห็น เช่น ให้ทาน แจกอาหาร ด้วยการแบ่งปัน โดยเอาธรรมไปทำ ที่ประเทศยูกันดาขาดแคลนน้ำจึงช่วยเรื่องน้ำให้ทานเรื่องน้ำสะอาดให้กับชาวยูกันดา ซึ่งใช้วิธีการสงเคราะห์หรือสังคหธุระ และที่ยูกันดามีปัญหาด้านการศึกษาจึงเริ่มด้วยการสอนภาษาอังกฤษ ปลูกฝังการศึกษาและสอดแทรกธรรมะเข้าไปด้วย
อ่านเพิ่มเติมที่http://www.banmuang.co.th/news/education/88723