จีนเชื่อปี 2025 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริด เพิ่มขึ้น 1 ใน 5 เตรียมห้ามผลิต-ขายรถยนต์พลังงานน้ำมัน

จีนเตรียมออกมาตรการห้ามผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงานน้ำมัน โดยเชื่อว่าภายในปี 2025 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 5 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด http://winne.ws/n18736

1.3 พัน ผู้เข้าชม
จีนเชื่อปี 2025 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริด เพิ่มขึ้น 1 ใน 5 เตรียมห้ามผลิต-ขายรถยนต์พลังงานน้ำมัน

            ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของจีนเปิดเผยว่า จีนกำลังเตรียมออกมาตรการห้ามผลิตและจำหน่ายรถยนต์และรถตู้ที่ใช้พลังงานน้ำมัน โดยขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดว่ามาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อใด แต่ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว พร้อมระบุว่า มาตรการนี้จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในจีน

          ในปัจจุบัน จีนเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเมื่อปี 2016 ยอดการผลิตรถยนต์ในจีนสูงถึง 28 ล้านคัน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลก

          ก่อนหน้านี้ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสได้ออกมาประกาศแผนยกเลิกการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันภายในปี 2040 เพื่อลดการปล่อยมลพิษและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทวอลโว ซึ่งนักธุรกิจจีนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ประกาศว่าในปี 2019 ทางบริษัทจะผลิตเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดเท่านั้น โดยตั้งเป้าว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของวอลโวจะอยู่ที่ 1 ล้านคัน ภายในปี 2025

จีนเชื่อปี 2025 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า-ไฮบริด เพิ่มขึ้น 1 ใน 5 เตรียมห้ามผลิต-ขายรถยนต์พลังงานน้ำมัน

           นอกจากนี้ ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อื่นๆ เช่น เรย์โนลต์-นิสสัน ฟอร์ด และเจเนรัล มอร์เตอร์ ก็กำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในจีน เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของจีน ซึ่งรัฐบาลเริ่มมีมาตรการปกป้องสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

          ทางการจีนตั้งเป้าหมาย่วาภายในปี 2025 ราวๆ 1 ใน 5 ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วประเทศ จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด โดยคาดว่าในปี 2019 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดจะโตขึ้นร้อยละ 8 และในปี 2020 จะโตขึ้นร้อยละ 12

           อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายได้คาดการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อยอดขายน้ำมัน เนื่องจากในปัจจุบัน จีนบริโภคน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ


เรียบเรียงโดย: สลิสา ยุกตะนันทน์

ขอขอบคุณภาพลแะแหล่งข่าวจาก https://news.voicetv.co.th

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://news.voicetv.co.th/world/522844.html

แชร์