กระทรวงอุตสาหกรรม เผยนักลงทุนญี่ปุ่น พอใจความพร้อมอีอีซี
นักลงทุนญี่ปุ่น พอใจแผนงานโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี หลังลงสำรวจความพร้อมโครงการในวันนี้ ด้านรัฐมนตรีอุตสาหกรรม มั่นใจ 5 ปีแรก จะมีเม็ดเงินลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ http://winne.ws/n18847
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะคณะกรรมการบริหาร เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี พร้อมด้วยนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการอีอีซี และ พลเรือตรีวรพล ทองปรีชา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวภายหลัง นำนายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น หรือ METI พร้อมด้วยผู้นำหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ และคณะนักลงทุนอีกกว่า 500 ราย ร่วมรับฟังนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ณ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา พร้อมสำรวจพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมเหมราช สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และสำนักงานวิทยสิริเมธี
โดยนายอุตตม กล่าวว่า การมาเยือนของคณะนักลงทุนญี่ปุ่น เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของโครงการอีอีซี จากนี้จะเน้นการทำยุทธศาสตร์ทีละเรื่องกับญี่ปุ่น เพื่อให้มีความชัดเจนนักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายได้ เช่น ผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต การบิน หุ่นยนต์ การแพทย์
โดยตลอด 3 วันที่ผ่านมา เป็นเวลาที่ดีที่นักลงทุนญี่ปุ่นได้เห็นถึงความตั้งใจของไทย ซึ่งคาดว่าจะมีนักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจขอลงทุนในพื้นที่โครงการฯ ได้อย่างแน่นอน ทั้งการลงทุนเพิ่ม และเกิดธุรกิจใหม่
พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการหลักเพื่อให้มีความพร้อมต่อการลงทุนเร็วที่สุด ได้แก่
- การก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเป็น 15 ล้านคนในระยะ 5 ปี
- การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
- การพัฒนาท่าเรือ 3 ท่าเรือ (แหลมฉบัง-สัตหีบ-มาบตาพุด)
- โครงดึงดูด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะใช้การเชื่อมโยงและถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงกับประเทศชั้นนำต่างๆ โดยคาดหวังญี่ปุ่นอาจลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในไทยมาก่อน คาดว่าใน 5 ปีแรก จะมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 14 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต การบิน หุ่นยนต์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การแพทย์ครบวงจร และปิโตรเคมีและเคมีชีวภาพ
และการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Cities) ซึ่งมีการประเมินงบการลงทุน ในระยะเวลา 5 ปีแรกว่า จะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท
ขณะที่นายฮิโรชิเกะ เซโกะ กล่าวว่า โครงการอีอีซีมีการพัฒนา ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและออกกฎระเบียบที่ชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าหลังจากลงมาดูพื้นที่จริงแล้ว นักลงทุนญี่ปุ่นจะตัดสินใจลงทุนในไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันญี่ปุ่นมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนที่สามารถทำงานกับไทยได้ พร้อมมองว่าไทยเป็นGateway ประตูการค้า การลงทุน และคมนาคมในอาเซียน จึงต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาบุคลากรสำหรับภูมิภาคด้วย
ด้านนายคณิศ แสงสุพรรณ กล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเมติของญี่ปุ่น เน้นย้ำ เรื่องการใช้ connected industry ต้องการให้โรงงานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในไทยมีการอัพเกรดการทำงานด้วยระบบ automation และ IOT หรือ internet of things เพื่อใช้ฐานการผลิตของไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงกับกลุ่มCLMV
ส่วนหลังจากสำนักงานอีอีซี ได้ลงนามความร่วมมือในการขับเคลื่อนการพัฒนา EEC 2 ฉบับ กับ JICA และบริษัท Hitachi ได้หารือกับJICA ให้ลงพื้นที่ทำวิจัยว่าอะไรเป็นประโยชน์กับนักลงทุน
ส่วนพลเรือตรีวรพล ทองปรีชา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานอู่ตะเภา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและผู้ประกอบการหลายกลุ่ม สนใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการบิน ผลิตอุปกรณ์อากาศยานในพื้นที่ ซึ่งความได้เปรียบเชิงพื้นที่และโอกาสที่จะเกิดขึ้น เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยตัดสินใจในการลงทุนเพิ่มเติมหรือเพิ่มธุรกิจใหม่
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://news.voicetv.co.th/business/523570.html